ผลโพลชี้ชาวอเมริกัน หวาดกลัวรัฐบาลตัวเองยิ่งกว่าภัยก่อการร้าย

เอเจนซีส์-ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดจาก 2 สำนักในสหรัฐฯ ชี้ให้เห็นว่าในขณะนี้ชาวอเมริกันรู้สึกหวาดกลัวต่อรัฐบาลของตัวเอง มากเสียยิ่งกว่าภัยจากการก่อการร้าย ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เหตุก่อวินาศกรรม 11 กันยายน ปี 2001 โดยสาเหตุหลักเกิดจากการที่ชาวอเมริกันกลัวว่ารัฐบาลสหรัฐฯจะละเมิดสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญของพลเมืองตัวเอง

ถึงแม้ว่าระเบิดที่เกิดขึ้นระหว่างการแข่งขันบอสตัน มาราธอนเมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมาจากฝีมือของ 2 พี่น้องมุสลิมหัวรุนแรงจากเชชเนียจะทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 3 รายและ บาดเจ็บมากกว่า 280 ราย แต่ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดกลับพบว่า ชาวอเมริกันยังคงมีความลังเลที่จะต้องยอมเสียสละเสรีภาพส่วนบุคคลใดๆเพิ่มเติม ให้กับทางการ เพื่อแลกกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของตน

ผลสำรวจของฟ็อกซ์ นิวส์ที่ทำการสำรวจสุ่มสอบถามความเห็นจากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิ์เลือกตั้งทั่วสหรัฐฯจำนวน 619 ราย ในช่วงหลังเกิดเหตุระเบิดที่บอสตัน ซึ่งพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามมีทัศนะคติที่เปลี่ยนไปอย่างมาก เมื่อเทียบกับหลังเหตุก่อวินาศกรรม 11 กันยายน 2001 โดยกลุ่มตัวอย่าง 45 เปอร์เซ็นต์ยืนยันว่า พวกเขาจะไม่ยอมเสียสละเสรีภาพส่วนบุคคลใดๆให้กับทางการ แม้การเสียสละเสรีภาพส่วนตัวดังกล่าวจะช่วยลดความเสี่ยงในการเผชิญกับภัยก่อการร้ายได้ก็ตาม ขณะที่อีก 43 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่า จะยอมสละเสรีภาพส่วนบุคคลบางส่วน หากว่ามันจะช่วยให้ชีวิตมีความปลอดภัยมากขึ้น

ก่อนหน้านี้ เคยมีผลสำรวจที่ทำไว้เมื่อเดือนพฤษภาคม 2001 ก่อนเหตุการณ์ 9/11 ซึ่งพบว่า 40 เปอร์เซ็นต์ของคนอเมริกันในเวลานั้นไม่ต้องการสละเสรีภาพส่วนตัว ส่วนอีก 33 เปอร์เซ็นต์ยินยอม แต่หลังจากเหตุการณ์ก่อการร้าย 9/11 ผลสำรวจกลับพบว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ตอบรับว่าพร้อมสละเสรีภาพส่วนตัว เพื่อสกัดกั้นภัยก่อการร้าย ได้เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างน่าตกใจ สูงถึง 71 เปอร์เซ็นต์

นอกจากผลสำรวจของฟ็อกซ์ นิวส์แล้ว ผลสำรวจที่ทำขึ้นระหว่างวันที่ 17-18 เมษายนที่ผ่านมาโดยหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ พบว่า 48 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มตัวอย่าง ที่เป็นผู้ใหญ่ชาวอเมริกันจำนวน 588 คนรู้สึกกังวลว่ารัฐบาลสหรัฐฯจะก้าวล้ำเส้นมากเกินไปในเรื่องสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลเปรียบเทียบกับ 41 เปอร์เซ็นต์ที่มองว่ารัฐบาลสหรัฐฯยังมิได้ล้ำเส้นมากนักในเรื่องสิทธิเสรีภาพของประชาชน

ขณะเดียวกัน ผลสำรวจยังพบว่า 51 เปอร์เซ็นต์ของผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครต พร้อมสละเสรีภาพส่วนตัวเพื่อสนองนโยบายรัฐด้านการต่อต้านการก่อการร้าย มีชาวเดโมแครตราว 36 เปอร์เซ็นต์ที่คัดค้าน ขณะที่ราว 47 เปอร์เซ็นต์ของผู้สนับสนุนพรรครีพับบลิกันไม่เห็นด้วยที่จะต้องมีการสละเสรีภาพส่วนบุคคลเพื่อให้ประเทศปลอดภัย ส่วนอีก 43 เปอร์เซ็นต์มีความเห็นในทางตรงกันข้าม

ขณะที่ผู้ไม่ฝักไฝ่ในพรรคการเมืองใดนั้นพบว่า กว่า 58 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มตัวอย่างกลุ่มนี้ จะ “ต่อต้าน” การสละเสรีภาพส่วนตัว โดยมีเพียง 29 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ยินดีสละเสรีภาพส่วนตัว