รอยเตอร์ - ศาลปากีสถานสั่งกักบริเวณอดีตประธานาธิบดี เปอร์เวซ มูชาร์ราฟ ในบ้านพักเป็นเวลา 2 วัน ก่อนจะเริ่มไต่สวนคดีที่ มูชาร์ราฟ สั่งปลดผู้พิพากษาอย่างไม่เป็นธรรมระหว่างการประกาศภาวะฉุกเฉิน เมื่อปี 2007 ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นความกล้าหาญครั้งใหญ่ของศาลปากีฯในการที่จะเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ระดับสูง ซึ่งมักทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย
วันนี้ (19) ตำรวจนำตัวอดีตนายพล มูชาร์ราฟ ออกจากศาลกลับไปยังคฤหาสน์หรูชานกรุงอิสลามาบัด ซึ่ง มูชาร์ราฟ จะถูกกักขังอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 2 วัน
ผู้พิพากษาสั่งให้โอนคดีนี้ไปยังศาลต่อต้านก่อการร้าย โดยให้เหตุผลว่า การกักขังหน่วงเหนี่ยวผู้พิพากษาถือว่าเข้าข่ายก่ออาชญากรรมต่อรัฐ
ศาลปากีสถานได้ออกหมายจับ มูชาร์ราฟ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (18) แต่ปรากฏว่าเขาเดินออกจากศาลในกรุงอิสลามาบัดไปได้โดยไม่มีผู้ใดกล้าขัดขวาง ก่อนจะเข้าไปกบดานอยู่ในคฤหาสน์ส่วนตัวโดยมีหน่วยคอมมานโดคุ้มกันอยู่อย่างแน่นหนา
นาวีด มาลิก ทนายความซึ่งรับฟังการพิจารณาคดีวันนี้ (19) เผยว่า มูชาร์ราฟ ยอมเดินทางจากคฤหาสน์มาที่ศาลแต่โดยดี และขอให้ควบคุมตัวเขาไว้ที่บ้าน แทนที่จะส่งไปเรือนจำ
ทีมทนายของ มูชาร์ราฟ เตรียมยื่นคำร้องต่อศาลสูงสุดให้ยกเลิกหมายจับลูกความของพวกเขาแล้ว
มูชาร์ราฟ เดินทางออกจากปากีสถานในปี 2008 และพำนักอยู่ในย่านคนรวยของนครดูไบนานถึง 4 ปี ก่อนหวนกลับมาบ้านเกิดเมืองนอนอีกครั้ง เพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งทั่วไปในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ แต่ก็ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้งตัดสินว่าไม่มีคุณสมบัติครบถ้วน
นอกจากคดีปลดผู้พิพากษาแล้ว มูชาร์ราฟ ยังถูกกล่าวหาว่ามีส่วนพัวพันแผนลอบสังหารอดีตนายกรัฐมนตรี เบนาซีร์ บุตโต ในปี 2007 รวมถึงการปลิดชีพผู้นำกบฏบาโลช (Baloch) เมื่อปี 2006 ด้วย
รายงานขององค์การสหประชาชาติเมื่อปี 2010 ชี้ว่า การลอบสังหารอดีตนายกฯ บุตโต อาจไม่สำเร็จหากรัฐบาลปากีสถานในขณะนั้น มีมาตรการป้องกันอย่างเพียงพอ ขณะที่ บิลาวัล บุตโต ซาร์ดารี บุตรชายของอดีตนายกฯหญิงผู้ล่วงลับ ถึงกับกล่าวหาว่า มูชาร์ราฟ วางแผนกำจัดมารดาของตน
ศาลสูงสุดปากีสถานยังรับคำร้องจากทีมทนายซึ่งขอให้เอาผิดกับ มูชาร์ราฟ ฐานเป็นกบฏล้มล้างรัฐธรรมนูญ จากการประกาศภาวะฉุกเฉินเมื่อปี 2007