เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่อาวุโสจากองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ชี้ ประชากรราว 6.8 ล้านคนในซีเรีย ต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างเร่งด่วน พร้อมตำหนิรัฐบาลซีเรียที่ขัดขวางมิให้เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ส่งความช่วยเหลือถึงมือประชาชนได้อย่างสะดวก
วาเลอรี อามอส หัวหน้าฝ่ายกิจการด้านมนุษยธรรมของยูเอ็น แถลงต่อที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติวานนี้ (18) ว่า “ความช่วยเหลือจำเป็นต่อชาวซีเรียมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในเขตอิทธิพลของกบฏซึ่งเป็นจุดที่มีการต่อสู้รุนแรง”
อามอส อ้างข้อมูลเชิงสถิติว่า มีชาวซีเรียที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนราวๆ 6.8 ล้านคน จากจำนวนประชากร 20.8 ล้านคนทั่วประเทศ ไม่รวมชาวบ้านที่ต้องพลัดที่นาคาที่อยู่อีก 4.25 ล้านคน และอีก ราว 1.3 ล้านคนที่เข้าไปอาศัยลี้ภัยในประเทศเพื่อนบ้าน
คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นมีถ้อยแถลงเรียกร้องให้รัฐบาลซีเรียและฝ่ายกบฎให้ความร่วมมือกับหน่วยงานของยูเอ็น เพื่อช่วยเหลือพลเมืองที่ได้รับความเดือดร้อน
“สมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นขอให้ทุกฝ่ายเปิดทางให้องค์กรบรรเทาทุกข์สามารถเข้าถึงประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลือ... เราขอตำหนิผู้ที่พยายามขัดขวางการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และขอย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องขจัดอุปสรรคเหล่านี้ออกไปโดยเร็ว”
อามอส ระบุว่า ภารกิจด้านมนุษยธรรมของยูเอ็นเจอกับอุปสรรคมากขึ้นตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา ทำให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติภารกิจได้อย่างยากลำบาก
“ข้อจำกัดในพื้นที่ทำให้เราเกือบจะต้องยุติภารกิจ และสถานการณ์ก็จวนถึงขั้นวิกฤตแล้ว”
อันโตนิโอ กูเตอร์เรส ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ แถลงต่อที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงฯ ผ่านระบบวีดีโอลิงก์ว่า จำนวนผู้ลี้ภัยซีเรียอาจขยับสูงขึ้นเป็น 3.5 ล้านคนภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ “น่าสะพรึงกลัว” พร้อมวิงวอนให้ประเทศเพื่อนบ้านของซีเรีย เช่น เลบานอน และจอร์แดน มอบความช่วยเหลือที่จำเป็นต่อชาวซีเรียที่หนีร้อนไปพึ่งเย็นด้วย
แม้จะมีอุปสรรคขัดขวางจากดามัสกัส แต่โครงการอาหารโลก (WFP) ก็ยังสามารถส่งมอบอาหารการกินแก่ชาวซีเรียแล้วเกือบ 2 ล้านคนในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ขณะที่กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) ก็ได้จัดส่งน้ำดื่มสะอาดไปช่วยเหลือพลเมืองซีเรียราว 5 ล้านคน