เอเอฟพี - ชาวซีเรียที่ขอลี้ภัยออกนอกประเทศเพื่อหนีเหตุรุนแรงทางการเมืองตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2011 มีจำนวนเกิน 1 ล้านคนแล้ว สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) เผยวันนี้ (6)
“ขณะที่ผู้ลี้ภัยออกจากซีเรียมีจำนวนสูงถึง 1 ล้านคนแล้ว ก็ยังมีอีกหลายล้านคนที่พลัดถิ่นฐานบ้านเรือนอยู่ในประเทศ และยังมีชาวซีเรียเดินทางข้ามแดนอีกวันละหลายพันคน ซีเรียกำลังเข้าสู่หายนะอย่างเต็มรูปแบบ” อันโตนิโอ กูเตอร์เรส ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ กล่าวในแถลงการณ์
“เราพยายามทำทุกวิถีทางที่จะช่วยเหลือชาวซีเรีย แต่ระดับการตอบสนองด้านมนุษยธรรมจากนานาชาติยังคงน้อยเหลือเกิน เราต้องหาทางยุติโศกนาฏกรรมนี้ให้ได้”
ยูเอ็นเอชซีอาร์ชี้ว่า ตัวเลข 1 ล้านคนนั้นนับรวมทั้งผู้ลี้ภัยที่อยู่ต่างประเทศแล้ว และชาวซีเรียที่ยังอยู่ระหว่างยื่นคำร้อง โดยสรุปจากข้อมูลของสำนักงานยูเอ็นเอชซีอาร์ในภูมิภาคตะวันออกกลาง
ก่อนหน้านี้ ยูเอ็นเอชซีอาร์เคยคาดการณ์ไว้ว่า จำนวนผู้ลี้ภัยซีเรียน่าจะเพิ่มเป็น 1.1 ล้านคนภายในเดือนมิถุนายน ทว่าในวันนี้ (6) องค์กรดังกล่าวระบุว่าจะต้องมีการปรับตัวเลขเสียใหม่
อัตราการขอลี้ภัยจากซีเรียที่เพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ต้นปีทำให้ยอดผู้ลี้ภัยระหว่างวันที่ 1 มกราคมจนถึงปัจจุบันสูงถึง 400,000 ราย เมื่อเทียบกับ 1 ปีก่อนที่ยูเอ็นเอชซีอาร์รับลงทะเบียนผู้ลี้ภัยซีเรียไปเพียง 33,000 คนเท่านั้น
การประท้วงขับไล่รัฐบาลซีเรียซึ่งได้แรงบันดาลใจจากกระแสอาหรับสปริงเริ่มปะทุขึ้นตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม ปี 2011 โดยประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด เปิดไฟเขียวให้กองทัพใช้ความรุนแรงกวาดล้างผู้ชุมนุมไร้อาวุธอย่างโหดเหี้ยม ก่อนที่สถานการณ์จะบานปลาย และยกระดับจนกลายเป็นสงครามกลางเมืองเต็มรูปแบบ
องค์การสหประชาชาติระบุว่า ยอดรวมผู้เสียชีวิตจากสงครามกลางเมืองในซีเรียพุ่งสูงเกิน 70,000 คนแล้ว
กลุ่มต่อต้านอัสซาดส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมสุหนี่ ซึ่งตรงข้ามกับกลุ่มผู้ปกครองซีเรียและฝ่ายสนับสนุนที่มาจากชุมชนชาวอะลาวียะห์ ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์
ยูเอ็นเอชซีอาร์ระบุว่า ในระยะแรกผู้ลี้ภัยซีเรียมักจะหลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เลบานอน, จอร์แดน และตุรกี แต่ปัจจุบันเริ่มมีชาวซีเรียที่ต้องการขอลี้ภัยในประเทศแถบอเมริกาเหนือและยุโรปมากขึ้นเรื่อยๆ