xs
xsm
sm
md
lg

US เลื่อนทดสอบ “จรวด” กันโสมแดงมั่วนิ่ม “จีน” ดักคอ “เปียงยาง” หยุดก่อกวนเอเชีย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพที่เผยแพร่ในวันอาทิตย์ (7) โดยสำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเกาหลีเหนือ แสดงให้เห็นทหารโสมแดงกำลังฝึกซ้อมร่วมกับสุนัขทหารในสถานที่ไม่เปิดผยแห่งหนึ่ง ทั้งนี้เกาหลีเหนือกำลังข่มขู่คุกคามที่จะก่อสงครามนิวเคลียร์และยิงจรวดพิสัยไกล ถึงแม้นานาชาติไม่ค่อยให้ความเชื่อถือ แต่ก็เห็นกันว่าต้องเตรียมตัวป้องกันเอาไว้ก่อน
เอเจนซีส์ - อเมริกาเลื่อนการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปเพื่อหลีกเลี่ยงการเติมเชื้อไฟให้แก่วิกฤตบนคาบสมุทรเกาหลี ด้านปักกิ่งดูเหมือนหมดความอดทนกับเกาหลีเหนือมากขึ้นทุกที รัฐมนตรีต่างประเทศระบุ จีนจะไม่ยอมให้มีการก่อปัญหาถึงหน้าประตูบ้าน ขณะที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ประกาศชัด ไม่ว่าประเทศใดไม่ได้รับอนุญาตให้ก่อกวนให้ภูมิภาคเกิดความไม่สงบ

เจ้าหน้าที่กลาโหมของสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันเสาร์ (6) ว่า รัฐมนตรีกลาโหม ชัค เฮเกล สั่งเลื่อนการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป มินิตแมน 3 จากฐานทัพอากาศแวนเดนเบิร์กในแคลิฟอร์เนีย จากเดือนนี้เป็นเดือนหน้า เนื่องจากกังวลว่า อาจทำให้บางประเทศเข้าใจผิดว่า อเมริกาต้องการให้วิกฤตบนคาบสมุทรเกาหลีในปัจจุบันลุกลามรุนแรง แต่ขณะเดียวกัน วอชิงตันก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะทำการทดลองขีปนาวุธข้ามทวีปเช่นนี้ เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัย ความมั่นคงและความมีประสิทธิภาพของคลังแสงนิวเคลียร์ของประเทศ

ช่วงหลายสัปดาห์มานี้ เกาหลีเหนือที่ไม่พอใจที่ถูกสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เพิ่มบทลงโทษจาการทดสอบนิวเคลียร์และจรวดของโสมแดงเอง รวมทั้งไม่พอใจการซ้อมรบระหว่างเกาหลีใต้กับสหรัฐฯ ได้ออกมาข่มขู่คุกคามอย่างถี่ยิบที่จะเปิดสงครามนิวเคลียร์

นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า เปียงยางยังติดตั้งจรวดมูซูดัน 2 ลูกบนแท่นปล่อยเคลื่อนที่และซ่อนในโรงงานใต้ดินใกล้ชายฝั่งด้านตะวันออก ทำให้คาดการณ์กันว่า เกาหลีเหนือเตรียมยิงจรวดเพื่อยั่วยุอีกครั้ง

ทั้งนี้ จรวดมูซูดันมีพิสัยทำการ 3,000 กิโลเมตร และอาจไกลถึง 3,976 กิโลเมตร หากอุปกรณ์ที่จรวดนำขึ้นไปมีขนาดเบา เท่ากับว่า จรวดลูกนี้สามารถโจมตีเป้าหมายในเกาหลีใต้และญี่ปุ่น และอาจรวมถึงฐานทัพอเมริกันบนเกาะกวมในมหาสมุทรแปซิฟิก

อย่างไรก็ดี เกาหลีเหนือยังไม่สามารถพิสูจน์ให้โลกเชื่อว่า มีขีปนาวุธข้ามทวีปที่สามารถโจมตีเป้าหมายในอเมริกาได้ รวมทั้งไม่มีแนวโน้มแม้กระทั่งการติดตั้งหัวรบบนจรวดพิสัยกลาง

ช่วงสุดสัปดาห์นี้ บรรดานักการทูตต่างชาติในเปียงยางหารือกันเกี่ยวกับคำเตือนจากทางการเกาหลีเหนือว่า จะไม่รับประกันความปลอดภัยภายหลังจากวันพุธนี้ (10) หากความขัดแย้งระเบิดกลายเป็นสงคราม

อย่างไรก็ดี ประเทศส่วนใหญ่แจ้งชัดเจนว่า ไม่มีแผนการเฉพาะหน้าในการถอนเจ้าหน้าที่ออกจากเปียงยาง และบางประเทศฟันธงว่า คำเตือนของเกาหลีเหนือเป็นเพียงการกระพือความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตบนคาบสมุทรเกาหลี

คิม จังซู ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติระดับสูงของประธานาธิบดีพัค กึน-ฮเย แห่งเกาหลีใต้ กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (7) ว่า คำเตือนดังกล่าวเป็นเพียงอุบายเพื่อให้โซลและวอชิงตันวิ่งเข้าหาและช่วยรักษาหน้าให้เกาหลีเหนือ

“เราเชื่อว่า เปียงยางพยายามเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส ด้วยการกดดันให้อเมริกาส่งผู้แทนพิเศษไปหารือ ให้เกาหลีใต้เสนอเจรจา โดยมีจีนหรือรัสเซียเป็นคนกลาง”

กระนั้น คิม ซึ่งเป็นอดีตรัฐมนตรีกลาโหมของเกาหลีใต้ก็เตือนว่า เกาหลีเหนืออาจยิงจรวดในช่วงกลางสัปดาห์นี้ตามที่แจ้งเตือนสถานทูตต่างชาติ แม้ยังไม่พบสัญญาณว่า เปียงยางเตรียมการรับมือหากเกิดความขัดแย้งอย่างเต็มรูปแบบแต่อย่างใด ขณะที่นักวิเคราะห์หลายคนกังวลว่า เกาหลีเหนือจะก่อเรื่องก่อนถึงวันที่ 15 นี้ ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของคิม อิลซุง ผู้ก่อตั้งประเทศและปู่ของคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดคนปัจจุบัน

ในเวลาเดียวกัน ปักกิ่ง พันธมิตรหนึ่งเดียวเริ่มหมดความอดทนกับเปียงยางมากขึ้น

หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศระบุเมื่อวันเสาร์ว่า จีนคัดค้านคำพูดหรือการดำเนินการที่เป็นการยั่วยุจากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดในภูมิภาค และจะไม่ยอมให้มีการก่อปัญหาถึงหน้าประตูบ้านของจีน

วันต่อมา กระทรวงต่างประเทศจีนออกคำแถลงผ่านเว็บไซต์ เรียกร้องให้เกาหลีเหนือรับประกันความปลอดภัยของนักการทูตจีนในเกาหลีเหนือตามอนุสัญญาเวียนนา รวมทั้งกฎหมายและบรรทัดฐานสากล

นอกจากนั้น ในระหว่างร่วมประชุมโป๋อ๋าว ฟอรัม กับผู้นำภาคธุรกิจและผู้นำจากหลายประเทศ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน ระบุในคำปราศรัยของเขาว่า “ไม่ว่าประเทศใดก็ไม่สมควรได้รับอนุญาตให้ก่อความไม่สงบขึ้นในภูมิภาค และกระทั่งทำให้ทั่วโลกสับสนอลหม่านเพียงเพื่อสนองตอบความเห็นแก่ตัวของตนเอง” ถึงนี้ผู้นำจีนไม่ได้พาดพิงถึงวิกฤตบนคาบสมุทรเกาหลีหรือข้อพิพาทด้านอธิปไตยกับญี่ปุ่นและหลายชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยตรง แต่ก็เห็นชัดเจนว่าเขาพาดพิงถึงเรื่องเหล่านี้

สี เสริมว่า เสถียรภาพในเอเชียขณะนี้กำลังเผชิญความท้าทายใหม่ เนื่องจากเกิดประเด็นร้อนไม่หยุดหย่อน ขณะที่ภัยคุกคามทั้งแบบดั้งเดิมและแบบใหม่ยังคงมีอยู่ ดังนั้น ทุกฝ่ายจึงจำเป็นต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาสำคัญๆ เพื่อให้มั่นใจในเสถียรภาพของเอเชีย
กำลังโหลดความคิดเห็น