xs
xsm
sm
md
lg

เลขาฯ UN หวั่นวิกฤตเกาหลีคุมไม่อยู่ โสมแดงฮึ่มเปิดเตานุกยองบอนอีก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

Visit NBCNews.com for breaking news, world news, and news about the economy



เอเจนซีส์ - เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ บัน คีมุน ออกโรงเตือนในวันอังคาร (2) ว่า วิกฤตคาบสมุทรเกาหลีอาจจะบานปลายขยายตัวจนกระทั่งควบคุมกันไม่อยู่ ภายหลังจากเกาหลีเหนือประกาศจะเปิดเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์ปรมาณูอีกครั้งเพื่อป้อนวัสดุนิวเคลียร์ให้แก่โครงการอาวุธ “นุก” ของตน ขณะเดียวกันสหรัฐฯก็เสริมกำลังเข้าสู่อาณาบริเวณนี้อย่างคึกคัก โดยล่าสุดคือการส่งเรือพิฆาตเข้าประจำการในน่านน้ำเกาหลีใตัด้วยวัตถุประสงค์เพื่อการ “ป้องปราม”

“ภัยคุกคามทางนิวเคลียร์ไม่ใช่เป็นแค่เกมๆ หนึ่ง” บัน แถลง ซึ่งเป็นการแสดงทัศนะต่อคำแถลงอย่างก้าวร้าวที่ออกมาอย่างชนิดต่อเนื่องเป็นชุดใหญ่ของโสมแดง และเร่งให้สหรัฐฯ จัดส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดที่สามารถบรรทุกอาวุธนิวเคลียร์ได้ทั้งรุ่น บี-52 และ บี-2 สเตลท์ ตลอดจนเรือพิฆาตยูเอสเอส ฟิตซ์เจอรัลด์ที่ติดตั้งระบบต่อต้านขีปนาวุธขั้นสูง ไปประจำการยังเกาหลีใต้

ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเกาหลีเหนือรายงานโดยอ้างคำกล่าวของโฆษกด้านพลังงานนิวเคลียร์ของประเทศที่ระบุว่า โสมแดงจะดำเนินการปรับปรุงใหม่และเปิดการดำเนินงานทั้งหมดในนิคมนิวเคลียร์ยองบอนของตนขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งรวมถึงการเพิ่มความเข้มข้นยูเรเนียมและเตาปฏิกรณ์ขนาด 5 เมกะวัตต์ ความเคลื่อนไหวเช่นนี้ทำให้นานาชาติเกิดความระวังตื่นตัวอย่างสูง และจีนผู้เป็นพันธมิตรสำคัญเพียงรายเดียวของเปียงยาง ก็ยังออกมาแถลงแสดงความเสียใจ พร้อมกับเรียกร้องให้ใช้ความยับยั้งชั่งใจ

คาบสมุทรเกาหลีตกอยู่ในท่ามกลางวงจรแห่งการเพิ่มความตึงเครียดอย่างหนักหน่วงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ และบานปลายขยายตัวออกไปทุกทีๆ นับตั้งแต่ที่โสมแดงดำเนินการทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยไกลในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว และติดตามด้วยการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ใต้ดินในต้นเดือนกุมภาพันธ์

ความเคลื่อนไหวที่ติดตามมาหลังจากนั้น ไม่ว่าจะเป็นการลงมติของยูเอ็นให้เพิ่มมาตรการคว่ำบาตรโสมแดง ตลอดจนการจัดการซ้อมรบครั้งใหญ่ประจำปีระหว่างเกาหลีใต้กับสหรัฐฯ ต่างก็ถูกเปียงยางใช้อ้างเป็นเหตุผลความชอบธรรมสำหรับการเร่งทวีออกมาตรการนานาเพื่อมุ่งข่มขู่โซลและวอชิงตัน ซึ่งมีทั้งการคุกคามที่จะยิงโจมตีด้วยขีปนาวุธและการเปิดสงครามนิวเคลียร์
กองทหารเกาหลีใต้หน่วยต่างๆ ร่วมกันฝึกซ้อมการข้ามแม่น้ำเมื่อวันจันทร์ (1) ที่เมืองฮวาชอน ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงโซล และอยู่ห่างจากเขตปลอดทหารที่เป็นพื้นที่คั่นกลางระหว่างสองเกาหลีประมาณ 20 กิโลเมตร การฝึกซ้อมคราวนี้เป็นส่วนหนึ่งของการซ้อมรบใหญ่ประจำปีระหว่างเกาหลีใต้กับสหรัฐฯ
บัน ซึ่งเป็นอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ กล่าวในวันอังคาร ระหว่างการแถลงข่าวที่อันดอร์รา ประเทศขนาดจิ๋วทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของยุโรปว่า วิกฤตในปัจจุบันได้ลุกลามไปไกลเกินไปแล้ว และจะต้องเริ่มต้นทำให้สิ่งต่างๆ กลับคืนสู่ความสงบ ซึ่งหนทางเดียวที่จะกระทำได้ก็คือการเจรจากัน

เลขาธิการใหญ่ยูเอ็นยังแสดงความหวาดวิตกที่วิกฤตคราวนี้เพิ่มความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ “ผมแน่ใจว่าไม่มีใครเลยที่มีความตั้งใจจะเข้าโจมตี สปปก. (สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี ชื่อประเทศอย่างเป็นทางการของเกาหลีเหนือ) สืบเนื่องจากความไม่ลงรอยกันเกี่ยวกับระบบนิวเคลียร์ของฝ่ายนั้น … อย่างไรก็ดี ผมหวั่นเกรงว่าฝ่ายอื่นๆ จะดำเนินการตอบโต้อย่างหนักแน่นแน่ๆ ต่อการยั่วยุทางทหารใดๆ ก็ตามที (จากเกาหลีเหนือ)” เขาระบุ

ในส่วนโฆษกด้านพลังงานนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือนั้น สำนักข่าวเคซีเอ็นเอรายงานว่า ได้กล่าวถึงจุดมุ่งหมายในการปรับปรุงและเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์ที่ยองบอนขึ้นมาใหม่ว่า “เพื่อเพิ่มพูนกำลังอาวุธทางด้านนิวเคลียร์ทั้งในเชิงคุณภาพและในเชิงปริมาณ”

โสมแดงได้ปิดเตาปฏิกรณ์ยองบอนตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2007 ภายใต้ข้อตกลงลดอาวุธเพื่อแลกกับความช่วยเหลือจาก 6 ชาติ จากนั้นในอีก 1 ปีต่อมา เกาหลีเหนือยังทำลายอาคารหล่อเย็นแห่งหนึ่งในนิคมนิวเคลียร์แห่งนี้

พวกผู้เชี่ยวชาญฝ่ายตะวันตกคาดหมายว่า เปียงยางจะต้องใช้เวลา 6 เดือนเพื่อให้เตาปฏิกรณ์แห่งนี้กลับดำเนินงานต่อไปได้ โดยหลังจากนั้นก็จะมีสมรรถนะในการผลิตพลูโตเนียมเข้มข้นระดับทำระเบิดได้ ในปริมาณเพียงพอที่จะนำไปสร้างอาวุธนิวเคลียร์ได้ 1 ลูกต่อปี

เกาหลีเหนือเคยเปิดเผยในปี 2010 ว่าตนกำลังทำการเพิ่มความเข้มข้นยูเรเนียมที่ยองบอน ในระหว่างที่อนุญาตให้พวกผู้เชี่ยวชาญชาวต่างชาติเข้าไปเยือนโรงงานเพิ่มความเข้มข้นที่นั่น แต่บอกว่ายูเรเนียมที่ผลิตออกมามีความเข้มข้นต่ำซึ่งใช้เพื่อการผลิตกระแสไฟฟ้าได้เท่านั้น

การที่โสมแดงแถลงในคราวนี้ว่า กำลังดำเนินการ “ปรับปรุงใหม่” ที่ยองบอน จะทำให้นานาชาติเกิดความวิตกกันว่าเกาหลีเหนือกำลังจะยกระดับให้นิคมนิวเคลียร์แห่งนี้สามารถผลิตยูเรเนียมเข้มข้นระดับใช้ทำ “นุก” ได้ด้วย ถ้าหากไม่ใช่ว่าทำได้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้อยู่แล้ว

คิม ยอง-ฮยุน ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเกาหลีเหนือแห่งมหาวิทยาลัยดองกุ๊ก ในกรุงโซล ให้ความเห็นว่า ความเคลื่อนไหวทางด้านนิวเคลียร์ของโสมแดงล่าสุด มีความแตกต่างอย่างชนิดเป็นคนละลีกคนละชั้น จากการข่มขู่คุกคามทางการทหารอื่นๆ ในระยะไม่กี่สัปดาห์หลังๆ มานี้

“นี่มันไปไกลเกินกว่าแค่เป็นการยั่วยุแล้ว มันเป็นความเคลื่อนไหวอันเข้มแข็งและจับต้องได้ และบางทีจะเป็นความเคลื่อนไหวที่จะบังคับให้สหรัฐฯ ต้องเข้าสู่การเจรจาโดยตรงกับเกาเหลีเหนือ ซึ่งเป็นสิ่งที่เปียงยางเรียกร้องต้องการอยู่” คิมบอก

ทั้งนี้ เกาหลีเหนือซึ่งมีสมรรถนะที่จะสร้างอาวุธนิวเคลียร์ได้ทั้งด้วยหนทางใช้พลูโตเนียมเข้มข้น และทั้งด้วยการใช้ยูเรเนียมเข้มข้น ถือเป็นฝันร้ายที่สร้างความกังวลใหญ่หลวงให้แก่ประชาคมระหว่างประเทศ

เนื่องจากในเกาหลีเหนือมีแหล่งแร่ยูเรเนียมปริมาณเพียงพออยู่แล้ว จึงสามารถที่จะเดินหน้าผลิตวัสดุนิวเคลียร์สะสมเอาไว้ด้วยความรวดเร็ว

“ประชาคมระหว่างประเทศได้ใช้เวลาทำงานกันเป็นปีๆ เพื่อหยุดยั้งและผลักให้โครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือถอยหลังกลับไป” มาร์ก ฟิตซ์แพตริก ผู้อำนวยการหน่วยงานป้องกันการแพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์ ของสถาบันระหว่างประเทศเพื่อยุทธศาสตร์ศึกษา (ไอไอเอสเอส) ในกรุงลอนดอน ให้ทัศนะ

“ถ้ามาถึงตอนนี้เกาหลีเหนือลงมือกระทำสิ่งที่เขาบอกว่ากำลังจะกระทำแล้ว เกาหลีเหนือก็คงจะเร่งผลักดันเดินหน้าไปในทั้งสองหนทางทีเดียว” ฟิตซ์แพตริกบอก

ผู้สังเกตการณ์จำนวนมากเชื่อว่า เกาหลีเหนือซุ่มผลิตยูเรเนียมความเข้มข็นสูงในโรงงานลับต่างๆ มาเป็นแรมปีแล้ว และการทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 3 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาอาจจะเป็นระเบิดยูเรเนียม หลังจากที่ใน 2 ครั้งแรกเมื่อปี 2006 และ 2009 เป็นระเบิดพลูโตเนียม

ก่อนหน้าการประกาศปรับปรุงและเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์ที่นิคมยองบอนของโสมแดง เจย์ คาร์นีย์ โฆษกทำเนียบขาว ได้แถลงแสดงความเห็นที่กรุงวอชิงตันในวันจันทร์ว่า แม้เกาหลีเหนือมีการใช้โวหารทางการทหารอย่างก้าวร้าว แต่ล่าสุดอเมริกายังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงทางทหารใดๆ ของโสมแดง เช่น การเคลื่อนย้ายกำลังพลขนาดใหญ่ และการประจำการของหน่วยกำลังต่างๆ

อย่างไรก็ดี ในวันเดียวกันนั้นเอง สหรัฐฯ ได้ส่งเรือพิฆาตยูเอสเอส ฟิตซ์เจอรัลด์ที่ติดตั้งระบบต่อต้านขีปนาวุธขั้นสูง ไปประจำการบริเวณนอกชายฝั่งด้านตะวันตกเฉียงใต้ของเกาหลีใต้ โดยเจ้าหน้าที่กลาโหมคนหนึ่งของสหรัฐฯ ระบุว่า เป็นความเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังโดยคำนึงถึงสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลี
กำลังโหลดความคิดเห็น