เอเอฟพี - ประธานาธิบดีมะห์มูด อับบาส แห่งปาเลสไตน์ และกษัตริย์อับดุลเลาะห์ที่ 2 แห่งจอร์แดน ลงนามในข้อตกลงเพื่อรับรองว่า จอร์แดนมีสถานะเป็น “ผู้คุ้มกัน” ศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์ในเมืองเยรูซาเลม วานนี้ (31)
ปาเลสไตน์และจอร์แดนเน้นย้ำถึงจุดมุ่งหมายร่วมที่จะป้องกันเยรูซาเลมและศาสนสถานต่างๆ จากความพยายามทำให้เมืองศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้กลายเป็นของศาสนายิว โดยเฉพาะที่มัสยิดอัลอักซอ
“การทำข้อตกลงประวัติศาสตร์ครั้งนี้ อับบาสย้ำว่าพระมหากษัตริย์ของเราทรงเป็นผู้คุ้มกันศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์ในกรุงเยรูซาเล็ม และทรงมีสิทธิ์ที่จะใช้มาตรการทางกฎหมายเพื่อปกปักรักษามันไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมัสยิดอัลอักซอ” สำนักพระราชวังจอร์แดนระบุในแถลงการณ์
“ข้อตกลงดังกล่าวยังย้ำถึงหลักประวัติศาสตร์ที่จอร์แดนและปาเลสไตน์ยึดถือร่วมกัน เพื่อร่วมปกป้องเยรูซาเล็มและศาสนสถานให้พ้นจากความพยายามของอิสราเอลที่จะทำให้เมืองแห่งนี้เป็นของยิว”
แถลงการณ์ฉบับนี้ยังอ้างถ้อยคำของประธานาธิบดีอับบาส ซึ่งยืนยัน “บทบาทของจอร์แดนที่มีมาตั้งแต่สมัยกษัตริย์ฮุสเซน”
อาณาเขตทั้งหมดของมัสยิดอัลอักซอ หรือที่ชาวมุสลิมเรียกขานว่า “อัล-หะรอม อัล-ชารีฟ” เป็นศาสนสถานที่สำคัญเป็นอันดับ 3 รองจากนครเมกกะ และเมืองมะดีนะห์ในซาอุดีอาระเบีย และเป็นที่ตั้งของ โดม ออฟ เดอะ ร็อก และตัวมัสยิดอัลอักซอ
อย่างไรก็ตาม ชาวยิวก็ถือว่าสถานที่นี้คือ “เนินวิหาร” (Temple Mount) ซึ่งเป็นที่ตั้งของมหาวิหารกษัตริย์เฮรอดที่ถูกทำลายโดยกองทัพโรมันเมื่อราวคริสตศักราชที่ 70 และเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในศาสนายิว
มัสยิดอัลอักซอ ถือเป็นพื้นที่เปราะบางที่สุดในเยรูซาเลม และมักเกิดการปะทะระหว่างชาวปาเลสไตน์กับกองกำลังความมั่นคงอิสราเอลบ่อยครั้ง
หลังสิ้นสุดสงคราม 6 วันในปี 1967 อิสราเอลยึดฝั่งตะวันออกของเยรูซาเลมซึ่งเป็นถิ่นของชาวอาหรับมาจากจอร์แดน ก่อนจะผนวกเป็นของอิสราเอลโดยไม่ได้รับการยอมรับจากประชาคมโลก ขณะที่ชาวปาเลสไตน์ก็ต้องการให้เยรูซาเล็มตะวันออกเป็นเมืองหลวงของรัฐปาเลสไตน์ที่จะก่อตั้งขึ้นในอนาคต
จอร์แดนทำสนธิสัญญาสันติภาพกับอิสราเอลเมื่อปี 1994 และบริหารจัดการศาสนสถานของชาวมุสลิมในเยรูซาเลมผ่านทางกระทรวงเอากอฟ (Awqaf) และกิจการศาสนา