เอเอฟพี - นายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัก แห่งมาเลเซีย ประกาศอพยพประชาชนที่อาศัยอยู่ในบางพื้นที่ของรัฐซาบาห์ ซึ่งง่ายต่อการแทรกซึมของกลุ่มติดอาวุธต่างชาติ ในขณะที่รัฐบาลเสือเหลืองเร่งกวาดล้างกลุ่มอิสลามิสต์ฟิลิปปินส์ซึ่งข้ามน้ำข้ามทะเลมาอ้างกรรมสิทธิ์เหนือรัฐดังกล่าว
ประกาศของนายกรัฐมนตรี ราซัก เท่ากับเป็นการยอมรับว่า กลุ่มนักรบกว่า 200 คนซึ่งเป็นสมุนของสุลต่านฟิลิปปินส์ กำลังเป็นภัยคุกคามความมั่นคงครั้งใหญ่ต่อรัฐซาบาห์ ซึ่งมีเพียงพรมแดนทางทะเลกั้นกับเมืองตากาล็อก
“สาเหตุสำคัญที่ทำให้กลุ่มก่อการร้ายบุกรุกเข้ามา... เนื่องจากบริเวณนั้นมีแหล่งชุมชนที่ง่ายต่อการแทรกซึมของผู้อพยพผิดกฎหมายและคนไร้รัฐ” นาจิบ กล่าว
ผู้นำมาเลเซียระบุว่า คำสั่งอพยพจะมีผลบังคับใช้ในพื้นที่ใกล้เคียงกับจุดที่เกิดการบุกรุก แต่อาจจะขยายครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดของรัฐซาบาห์ ซึ่งที่ผ่านมามาตรการป้องกันชายแดนทางทะเลยังค่อนข้างหละหลวม
สาวกของ ญามาลุล กิราม ที่ 3 ซึ่งอ้างตนเป็นสุลต่านแห่งซูลู ข้ามทะเลมาขึ้นฝั่งที่รัฐซาบาห์เมื่อ 6 สัปดาห์ก่อน เพื่ออ้างกรรมสิทธิ์ของสุลต่านเหนือรัฐแห่งนี้
การปะทะระหว่างกลุ่มติดอาวุธฟิลิปปินส์กับเจ้าหน้าที่ความมั่นคงมาเลเซียส่งผลให้ผู้เสียชีวิตไปกว่า 70 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นผู้บุกรุก และทำให้สายสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศเพื่อนบ้านต้องตึงเครียดอีกครั้ง
แม้ นาจิบ จะไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนอพยพ แต่ก็ทำให้หลายฝ่ายต้องจับตาท่าทีของรัฐบาลกัวลาลัมเปอร์ที่จะมีต่อรัฐห่างไกลแห่งนี้ รวมถึงกระแสข่าวที่ว่า ทางการมาเลเซียใช้นโยบายเปิดรับผู้อพยพต่างชาติจำนวนมากเข้ามาอาศัยในรัฐซาบาห์ ทั้งที่ไม่ทราบว่าคนเหล่านี้มีใจจงรักภักดีต่อมาเลเซียจริงหรือไม่
ปัจจุบัน คาดว่ามีชาวฟิลิปปินส์อาศัยอยู่ในรัฐซาบาห์มากกว่า 800,000 คน จากจำนวนประชากรในรัฐทั้งหมด 3 ล้านคน
การอพยพย้ายเข้าของชาวมุสลิมฟิลิปปินส์ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา สร้างความอึดอัดคับแค้นต่อพลเมืองท้องถิ่นในรัฐซาบาห์ ขณะที่นักวิจารณ์กล่าวหาว่า รัฐบาลมาเลเซียจงใจรับชาวต่างชาติที่เป็นมุสลิมเข้ามาเพื่อเพิ่มเสียงสนับสนุนให้กับรัฐบาล