เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - “โบอิ้ง” ยักษ์ใหญ่แห่งอุตสาหกรรมการบินของสหรัฐฯ ประกาศเตรียมปลดพนักงานออกกว่า 2,300 คนภายในสิ้นปีนี้ อ้างเหตุผลเป็นการปลดคนงานตามปกติเพื่อปรับโครงสร้างองค์กร ไม่เกี่ยวกับปัญหาของเครื่องบินโดยสาร “โบอิ้ง 787 ดรีมไลเนอร์” ที่ถูกทางการของหลายประเทศสั่งห้ามบิน เพราะปัญหาด้านความปลอดภัย
รายงานข่าวซึ่งอ้างคำแถลงของโบอิ้งจากสำนักงานใหญ่ในนครชิคาโกเมื่อวันเสาร์ (23) ระบุว่า ทางบริษัทมีความจำเป็นต้องปลดพนักงานที่ประจำ ณ โรงงานในนครซีแอตเติล มลรัฐวอชิงตันของสหรัฐฯ ออกราว 2,300 ตำแหน่งจากจำนวนพนักงานในมลรัฐวอชิงตันทั้งหมดที่มีอยู่มากกว่า 75,500 คนในขณะนี้
อย่างไรก็ดี มาร์ค เบอร์เทล โฆษกของโบอิ้งยืนยันว่า แผนปลดพนักงานจำนวนกว่า 2,300 คนดังกล่าวเป็นเพียงการปรับโครงสร้างองค์กรตามปกติเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับปัญหาด้านความปลอดภัยที่ทำให้เครื่องบินรุ่นล่าสุดของบริษัท คือ “โบอิ้ง 787 ดรีมไลเนอร์” ถูกหน่วยงานด้านความปลอดภัยของหลายประเทศ ทั้งสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ชิลี และอินเดีย สั่งห้ามทำการบินตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา หลังเกิดไฟไหม้ที่แบตเตอรีอย่างน้อย 2 ครั้ง ขณะที่ยอดขายเครื่องบินรุ่นดังกล่าวจากทั่วโลกเพิ่งมีเพียงแค่ 50 ลำเท่านั้น
ก่อนหน้านี้ โบอิ้งเพิ่งประกาศแผนปลดพนักงานครั้งใหญ่ ที่โรงงานในมลรัฐเซาธ์ แคโรไลนาของสหรัฐฯด้วยเหตุผลเดียวกัน โดยยืนยันจะหาทางเยียวยาพนักงานที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่
ทั้งนี้ ปัญหาด้านความปลอดภัยที่เกิดขึ้นกับเครื่องบินรุ่นล่าสุดอย่าง 787 ดรีมไลเนอร์ ส่งผลให้โบอิ้งได้รับความเสียหายอย่างหนักเนื่องจากโบอิ้งใช้เงินลงทุนในโครงการผลิตเครื่องบินรุ่นดังกล่าว ไม่ต่ำกว่า 32,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 937,600 ล้านบาท)
