เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ ประกาศพร้อมยกเลิกมาตรการสุดเข้มงวดต่อชาวซาอุดีอาระเบียที่บังคับใช้มาตั้งแต่หลังเหตุการณ์ก่อวินาศกรรม 11 กันยายน ปี 2001 เพื่อเปิดโอกาสให้พลเมืองจากแดนเศรษฐีน้ำมันสามารถเดินทางเข้าสหรัฐฯ ได้สะดวกขึ้น ทั้งที่ทราบดีว่ากลุ่มคนร้ายจำนวน 15 จาก 19 คนที่ลงมือก่อเหตุจี้เครื่องบินเพื่อโจมตีสหรัฐฯ ในครั้งนั้นเป็นชาวซาอุฯ
รายงานข่าวระบุว่า ขณะนี้ทางกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (DHS) ของสหรัฐฯ ตัดสินใจจะยกเลิกมาตรการสุดเข้มในการตรวจตราผู้โดยสารเครื่องบินสัญชาติซาอุดีอาระเบียที่ต้องการเดินทางเข้าสหรัฐฯ เพื่อเปิดโอกาสให้สามารถเข้าประเทศได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยหากพลเมืองซาอุฯ คนใดที่ถูกระบุว่าเป็นบุคคลที่มีความน่าเชื่อถือจากหน่วยงานของรัฐบาลซาอุฯ ก็ไม่จำเป็นต้องรับการตรวจตราเข้มงวดใดๆ จากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของสหรัฐฯ อีก ขอเพียงมีหนังสือเดินทางและผ่านการตรวจลายนิ้วมือเท่านั้น
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของทางการสหรัฐฯ มีขึ้นหลังเจเน็ต นาโปลิตาโน รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิเป็นผู้เสนอมาตรการผ่อนคลายความเข้มงวดดังกล่าว หลังพบหารือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคงของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลสหรัฐฯ ยินยอมให้ทางการซาอุดีอาระเบียเข้ามามีบทบาทโดยตรงในเรื่องการตรวจคนเข้าเมือง
อย่างไรก็ดี ความเคลื่อนไหวล่าสุดก่อให้เกิดกระแสต่อต้านจากสาธารณชนอเมริกันเป็นวงกว้าง รวมถึงในสภาคองเกรสส์ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับจุดยืนของทางดีเอชเอส และรัฐบาลบารัค โอบามา พร้อมตั้งคำถามว่า ทางการสหรัฐฯ จะแน่ใจได้อย่างไรว่าพลเมืองซาอุฯ ที่จะเดินทางเข้าสหรัฐฯ ได้ง่ายขึ้นในอนาคตนั้นจะไม่ใช่พวกหัวรุนแรงหรือสมาชิกเครือข่ายก่อการร้าย เช่นเดียวกับพลเมืองซาอุฯ จำนวน 15 คนจาก 19 คนที่ก่อเหตุจี้เครื่องบินโดยสารหลายลำในเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน 2001
ขณะเดียวกัน มีการตั้งข้อสงสัยว่ารัฐบาลสหรัฐฯ แอบมีการตกลงผลประโยชน์ใดๆ กับทางซาอุดีอาระเบียหรือไม่ เพื่อแลกเปลี่ยนกับการผ่อนคลายมาตรการสุดเข้มดังกล่าวต่อพลเมืองของซาอุฯ เพราะแม้แต่พลเมืองของอิสราเอล เยอรมนี และฝรั่งเศส ซึ่งเป็นชาติพันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ ก็ยังไม่ได้รับสิทธิพิเศษดังกล่าวแต่อย่างใด
ด้านนางนาโปลิตาโน รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ ออกโรงยืนยันเมื่อวันพุธ (20) โดยระบุว่าการผ่อนคลายมาตรการเข้มงวดดังกล่าวเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นของรัฐบาลวอชิงตันและริยาดห์ พร้อมย้ำว่าทางการสหรัฐฯมีมาตรการตรวจสอบที่สามารถสร้างความมั่นใจได้ว่าชาวซาอุฯ ที่ได้รับสิทธิพิเศษในโครงการดังกล่าวจะไม่เข้ามาก่อเหตุร้ายใดๆ ในแผ่นดินอเมริกา