รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - มากกว่าครึ่งหนึ่งของที่ทำการด้านการทูต และกงสุลของสหรัฐฯ ในต่างประเทศมีมาตรการด้านความปลอดภัยต่ำกว่ามาตรฐาน และสุ่มเสี่ยงอย่างยิ่งยวดต่อการตกเป็นเป้าการโจมตี เช่นเดียวกับสถานกงสุลสหรัฐฯ ที่เมืองเบงกาซีของลิเบียเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเป็นเหตุให้ จอห์น คริสโตเฟอร์ สตีเวนส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำลิเบีย และเจ้าหน้าที่ชาวอเมริกันอีก 3 รายเสียชีวิต
แพท เคนเนดี ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯด้านการบริหารจัดการ เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต่อสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ โดยระบุว่าในบรรดาสถานทูตและสถานกงสุลสหรัฐฯ ที่มีอยู่กว่า 283 แห่งทั่วโลกนั้น มีอยู่เพียง 97 แห่งเท่านั้นในขณะนี้ที่มีความมั่นคงปลอดภัยผ่านเกณฑ์มาตรฐานของรัฐบาล
ในทางกลับกัน เคนเนดีเผยว่ายังมีที่ทำการทางการทูตและกงสุลของสหรัฐฯอีกกว่า 158 แห่งทั่วโลก ที่ยังไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานด้านความปลอดภัยและสุ่มเสี่ยงต่อการถูกโจมตีจากกลุ่มก่อการร้าย หรือ กลุ่มผู้ไม่ประสงค์ดีอื่นๆ เช่นเดียวกับโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับสถานกงสุลสหรัฐฯ ที่เมืองเบงกาซีของลิเบียเมื่อ 11 กันยายน ปี 2012
อย่างไรก็ดี ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดว่า ที่ทำการของสถานเอกอัครราชทูต และสถานกงสุลสหรัฐฯ แห่งใดบ้าง ที่ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานด้านความปลอดภัย
ทั้งนี้ หลังเหตุโจมตีสถานกงสุลสหรัฐฯที่เมืองเบงกาซี ของลิเบีย ทางกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯได้ร้องขอตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา ให้สภาคองเกรสส์จัดสรรงบประมาณจำนวนมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อปรับปรุงที่ทำการทางการทูตและสถานกงสุลของสหรัฐฯ ทั่วโลกให้มีความมั่นคงปลอดภัยยิ่งขึ้นซึ่งทางวุฒิสภาสหรัฐฯ ได้เห็นชอบให้มีการโอนย้ายงบประมาณคงเหลือจากการทำสงครามที่อิรักซึ่งยุติไปแล้ว มาใช้ในโครงการดังกล่าวจำนวน 1.1 พันล้านดอลลาร์ แต่แนวทางดังกล่าวยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร