รอยเตอร์ - สหรัฐฯ และจีนบรรลุข้อตกลงขยายขอบเขตการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ เพื่อตอบโต้การทดลองระเบิดนิวเคลียร์ครั้งที่ 3 เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ส่งผลให้เปียงยางขู่จะฉีกสัญญาหยุดยิงที่ทำให้สงครามเกาหลียุติลงในปี 1953
รัฐบาลเกาหลีเหนือยังประกาศจะตัด “สายด่วน” ที่ใช้สื่อสารกับกองทัพสหรัฐฯ หากโซลและวอชิงตันยังไม่ล้มเลิกกิจกรรมซ้อมรบร่วม ซึ่งกินเวลานานถึง 2 เดือน
นักการทูตผู้ไม่เปิดเผยชื่อระบุว่า มาตรการคว่ำบาตรล่าสุดมุ่งปิดกั้นการจำหน่ายสินค้าฟุ่มเฟือยให้แก่ชนชั้นปกครองในเปียงยาง เช่น เรือยอชต์ และรถแข่ง เป็นต้น และจะมีผลทำให้เปียงยางเคลื่อนย้ายเงินทุนลำบากขึ้นด้วย
หลี่ เป่าตง เอกอัครราชทูตจีนประจำองค์การสหประชาชาติ ให้สัมภาษณ์ว่า สมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นทั้ง 15 ชาติ จะโหวตมติคว่ำบาตรโสมแดงที่สหรัฐฯและจีนจับเข่าเจรจากันมานานถึง 3 สัปดาห์ ในวันพรุ่งนี้ (7)
จีนเป็นมหามิตรเพียงชาติเดียวของเปียงยางที่แสดงจุดยืนคัดค้านการลงโทษเกาหลีเหนือมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม หลี่ ยืนยันว่ารัฐบาลจีนไม่พอใจอย่างยิ่งที่เกาหลีเหนือทดลองระเบิดนิวเคลียร์เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 3 นับตั้งแต่ปี 2006 แต่ก็ยังเตือนว่าไม่ควรตอบโต้รุนแรงจนเกินไป
“เราพร้อมสนับสนุนทุกมติของคณะมนตรีความมั่นคงฯ แต่ก็เห็นว่า มาตรการตอบโต้ควรจะเป็นไปอย่างพอเหมาะพอควร โดยมีจุดประสงค์เพื่อลดความตึงเครียดและเปิดช่องทางเจรจาทางการทูตมากกว่า” หลี่กล่าว
ซูซาน ไรซ์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำยูเอ็น แถลงหลังสิ้นสุดการประชุมลับของคณะมนตรีความมั่นคงฯว่า มติคว่ำบาตรชุดใหม่จะช่วย “เสริมความเข้มแข็ง และขยายขอบเขตมาตรการคว่ำบาตรที่ยูเอ็นได้ประกาศไปก่อนหน้านี้”
“มาตรการคว่ำบาตรชุดใหม่จะยับยั้งขีดความสามารถของเกาหลีเหนือในการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธนำวิถีซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย... โดยจะสกัดกั้นกิจกรรมผิดกฎหมายของนักการทูตเกาหลีเหนือ, เครือข่ายธนาคารโสมแดง และการลักลอบขนย้ายเงินสดก้อนโต” ไรซ์ ระบุ
มติดังกล่าวจะมีผลผูกพันให้ทุกรัฐสมาชิกต้องขับไล่ผู้แทนเกาหลีเหนือที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีดำยูเอ็น และต้องตรวจสอบเรือสินค้าโสมแดงในแดนดินของพวกเขาอย่างละเอียด ซึ่งที่ผ่านมาการตรวจค้นเรือสินค้าเกาหลีเหนือเป็นเพียงการเรียกร้องให้กระทำโดยสมัครใจเท่านั้น
มติดังกล่าวยังเรียกร้องให้ทุกรัฐสมาชิก “สั่งห้ามเครื่องบินต้องสงสัยออกเดินทาง, ลงจอด หรือเชื่อมต่อกับเครื่องบินลำอื่นในดินแดนของตน หากสงสัยว่ามีการขน, จำหน่าย, ส่งต่อ หรือส่งออกสินค้าต้องห้าม”
ในส่วนของเรือเดินสมุทร หากเรือลำใดปฏิเสธคำขอตรวจค้น ก็ห้ามมิให้เรือดังกล่าวจอดเทียบท่าในรัฐสมาชิก
แผนคว่ำบาตรของยูเอ็นในครั้งนี้ทำให้รัฐบาลเกาหลีเหนือขู่จะยกเลิกสัญญาหยุดยิงกับเกาหลีใต้
“เราจะยกเลิกสัญญาหยุดยิงโดยสิ้นเชิง” สำนักข่าวเคซีเอ็นเออ้างถ้อยคำจากโฆษกกองบัญชาการสูงสุดกองทัพประชาชนเกาหลีเหนือ ซึ่งยังประณามการซ้อมรบระหว่างสหรัฐฯกับเกาหลีใต้ว่า เป็น “การบ่อนทำลายสัญญาหยุดยิงอย่างเป็นระบบ”
สงครามเกาหลีซึ่งเกิดขึ้นในช่วงปี 1950-53 ยุติลงด้วยข้อตกลงหยุดยิง แต่ยังปราศจากสนธิสัญญาสันติภาพ ส่งผลให้เกาหลีเหนือและใต้ยังคงอยู่ในฐานะคู่สงครามมานานถึง 60 ปี