xs
xsm
sm
md
lg

“โอบามา” เร่งสภาหาทางยุติ “ตัดงบเหมารวม” มะกันเอือมทั้งเดโมแครต-รีพับลิกัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สีหน้าอากัปกิริยาของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ระหว่างที่เขาตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับมาตรการตัดลดงบประมาณอย่างอัตโนมัติแบบเหมารวม ที่ทำเนียบขาว เมื่อวันศุกร์ (1มีค.) ผลโพลชี้ว่า ถึงแม้ประชาชนอเมริกันกล่าวโทษพรรครีพับลิกันมากที่สุด ว่าต้องรับผิดชอบกับวิกฤตการคลังของประเทศในคราวนี้ แต่ตัวโอบามาและพรรคเดโมแครตก็ตกเป็นเป้าแห่งความไม่พอใจด้วยเช่นกัน
รอยเตอร์ - “โอบามา” กดดันคองเกรสหาทางประนีประนอมเพื่อระงับวิกฤตจากการตัดลดงบประมาณรายจ่ายโดยอัตโนมัติแบบเหมารวมครั้งมโหฬารซึ่งกำลังคุกคามเศรษฐกิจของประเทศ ทว่า ไม่ได้เสนอแนวทางใหม่ๆ รวมทั้งไม่มีสัญญาณว่าจะมีการเปิดเจรจากัน ขณะที่โพลชี้คนอเมริกันคิดว่าเป็นความผิดของทั้งเดโมแครตและรีพับลิกัน ด้าน มิตต์ รอมนีย์ คู่ปรับเก่า ออกโรงวิจารณ์ประธานาธิบดีไร้ความจริงใจแก้ปัญหา มัวแต่เดินสายกล่าวหารีพับลิกัน

หลังจากมาตรการลดการใช้จ่ายอย่างอัตโนมัติแบบเหมารวมมูลค่า 85,000 ล้านดอลลาร์มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการไม่กี่ชั่วโมง ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แถลงในรายการวิทยุประจำสัปดาห์เมื่อวันเสาร์ (2) เรียกร้องให้รีพับลิกันร่วมหารือกับเดโมแครต โดยกล่าวว่า ชาวอเมริกันเบื่อหน่ายกับการเห็นเหล่านักการเมืองในวอชิงตัน “เสียหลักเซถลาจากวิกฤตหนึ่งสู่อีกวิกฤตหนึ่ง”

โอบามายังร่ายความทุกข์ยากที่จะเกิดจากการตัดงบประมาณรายจ่ายอย่างอัตโนมัติแบบเหมารวม (ซีเควสเตอร์ Sequester) ว่า “นับจากต้นสัปดาห์นี้เป็นต้นไป ธุรกิจที่ทำงานกับกระทรวงกลาโหมจะต้องลอยแพคนงาน ชุมชนที่อยู่ใกล้ฐานทัพจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ชาวอเมริกันเรือนแสนที่รับใช้ประเทศชาติ ไม่ว่าจะเป็นทหารที่ลาดตระเวนตามแนวพรมแดน เจ้าหน้าที่เอฟบีไอ พลเรือนที่ทำงานให้เพนตากอน จะถูกลดเงินเดือนและลดชั่วโมงการทำงาน”

กระนั้น ผู้นำสหรัฐฯ ไม่ได้เสนอแนวคิดใหม่เพื่อแก้ไขคลี่คลายการประลองกำลังทางการคลังระหว่างเดโมแครตและรีพับลิกันในคราวนี้ อีกทั้งไม่มีสัญญาณว่าจะจัดการประชุมเจรจาโดยเร่งด่วนแต่อย่างใด

ความล้มเหลวของพรรคเดโมแครตที่เป็นฝ่ายบริหารและมีเสียงข้างมากในวุฒิสภา กับพรรครีพับลิกันซึ่งเป็นผู้คุมเสียงในสภาผู้แทนราษฎร ในการบรรลุข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้มาตรการซีเควสเตอร์ กลายเป็นการตอกย้ำว่า ประเด็นทางการคลังจะยังคงเป็นประเด็นร้อนในวอชิงตันต่อไปอีกตลอดช่วงหลายสัปดาห์จากนี้ไป และเบียดบังเบี่ยงเบนความพยายามของโอบามา ซึ่งต้องการผลักดันวาระอื่นๆ อย่างเช่น ข้อเสนอปฏิรูปกฎหมายคนเข้าเมือง การควบคุมอาวุธปืน และการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ

ถึงแม้ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากมาตรการซีเควสเตอร์ อาจจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งในการแสดงอาการให้เห็นอย่างเต็มที่ ทว่าระเบิดเวลาทางการเมืองจากมาตรการนี้กำลังเริ่มทำงานแล้ว โดยไม่ว่าโอบามาหรือรีพับลิกันก็ล้วนตกเป็นเป้าหมาย ทั้งนี้ตามผลสำรวจความคิดเห็นของรอยเตอร์/อิปโซส โพล เมื่อวันศุกร์ (1)

ขณะที่ตามผลโพลของแกลลัปในวันเดียวกัน ก็พบว่าคะแนนนิยมในตัวโอบามาลดเหลือ 47% จาก 51% ในการสำรวจ 3 วันก่อนหน้านั้น

แม้โพลส่วนใหญ่ชี้ว่า ผู้มีสิทธิออกเสียงโทษรีพับลิกันเป็นอันดับหนึ่งสำหรับความยุ่งยากทางการคลังครั้งนี้ ทว่า โอบามาที่ลงนามคำสั่งตัดลดค่าใช้จ่ายที่ถือเป็นครั้งเลวร้ายที่สุด ก็หนีไม่พ้นร่างแหด้วยเช่นกัน

ประเด็นหลักที่ทำให้เกิดการเผชิญหน้ามาราธอนในวอชิงตันหนนี้คือ การไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับวิธีลดยอดขาดดุลงบประมาณและหนี้สาธารณะมูลค่า 16 ล้านล้านดอลลาร์ที่สะสมมาจากช่วงเวลาหลายปีในสงครามอิรักและอัฟกานิสถาน ตลอดจนจากการใช้มาตรการกระตุ้นเพื่อเยียวยาเศรษฐกิจ

โอบามานั้นต้องการอุดช่องโหว่ทางการคลังด้วย “แนวทางสมดุล” อันประกอบด้วยการตัดลดรายจ่ายควบคู่ไปกับมาตรการขึ้นภาษีโดยเฉพาะการขึ้นภาษีผู้มีฐานะมั่งคั่ง แต่รีพับลิกันไม่ต้องการยอมจำนนเรื่องภาษีอีก หลังจากที่ยอมให้มาครั้งหนึ่งในการเจรจาเพื่อคลี่คลาย “หน้าผาการคลัง” เมื่อปลายปี 2012 ที่ผ่านมา

นักวิจารณ์หลายคน อาทิ พีท โดเมนิชิ อดีตวุฒิสมาชิกรีพับลิกัน และอลิซ ริฟลิน ผู้เชี่ยวชาญด้านการคลัง ซึ่งร่วมกันเป็นผู้นำทีมเฉพาะกิจเพื่อลดหนี้ของสถาบันไบพาร์ทิซัน โพลิซี เซนเตอร์ วิพากษ์ว่า โอบามาควรนัดหารือกับผู้นำในรัฐสภาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว เพื่อหามาตรการทางเลือกด้วยการเริ่มข้อตกลงสร้างเสถียรภาพหนี้ระยะยาวที่ครอบคลุมและบังคับใช้ได้ แทนที่จะมาดำเนินการก่อนถึงนาทีสุดท้ายในวันศุกร์ ซึ่งที่สุดแล้วก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงมาตรการลดการใช้จ่ายอัตโนมัติ ซึ่งผลักดันเป็นกฎหมายในช่วงวิกฤตงบประมาณครั้งก่อนเมื่อปี 2011

ขณะเดียวกัน หลังจากห่างหายไปนาน มิตต์ รอมนีย์ คู่แข่งของโอบามาในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้กลับสู่เวทีการเมืองอีกครั้งด้วยการออกมากล่าวโจมตีว่า “ไม่มีใครสามารถคิดได้ว่า นี่เป็นความสำเร็จของประธานาธิบดี” อดีตผู้ว่าการรัฐแมสซาชูเสตต์กล่าวในรายการฟ็อกซ์ นิวส์ ซันเดย์ พร้อมกล่าวหาโอบามาว่า มัวเดินสายทั่วประเทศเพื่อตำหนิและกล่าวหารีพับลิกัน แทนที่จะหาทางบรรลุข้อตกลงหลีกเลี่ยงมาตรการลดการใช้จ่ายครั้งใหญ่

ทั้งนี้ โพลของรอยเตอร์/อิปโซส พบว่า คนอเมริกัน 28% โทษว่าวิกฤตการคลังครั้งนี้เป็นความผิดของรีพับลิกัน ขณะที่ 22% เห็นว่าโอบามาและเดโมแครตต้องรับผิดชอบ และ 37% กล่าวหาทั้งสองฝ่าย
กำลังโหลดความคิดเห็น