บีบีซี - องค์กรตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจแห่งแอฟริกาใต้ กำลังสืบสวนเหตุเสียชีวิตของคนขับแท็กซี่ชาวโมซัมบิก หลังมีการกล่าวอ้างว่าเขาโดนเจ้าหน้าที่จับใส่กุญแจมือล็อกติดกับท้ายรถตู้ตำรวจแล้วลากไปตามถนน ก่อนไปสิ้นใจในห้องขัง
วิดีโอสุดช็อกนี้ถ่ายไว้ได้โดยชาวบ้านที่พบเห็นเหตุการณ์ใกล้เมืองโยฮันเนสเบิร์ก และถูกสื่อมวลชนท้องถิ่นนำไปเสนอต่อ จนนำมาซึ่งเสียงประณามด่าทอการทำหน้าที่ของตำรวจอย่างดุเดือด
สื่อมวลชนท้องถิ่นรายงานว่า แรกเริ่มเลยตำรวจลงมือทำร้ายคนขับแท็กซี่ชาวโมซัมบิกวัย 27 ปี หลังกล่าวหาเขาจอดรถผิดกฎที่เมืองดาเวย์ตัน ทางตะวันออกของโยฮันเนสเบิร์ก จากนั้นตำรวจในเครื่องแบบก็ใส่กุญแจมือเขาล็อกติดกับรถตู้ แล้วก็ขับรถลากผู้ถูกกล่าวหาไปตามท้องถนนท่ามกลางสายตาของผู้คนที่ได้แต่ยืนดู ในเวลาต่อมาเขาถูกนำตัวไปยังห้องขังและก็เสียชีวิตภายในนั้น
โฆษกของสำนักงานสืบสวนตำรวจอิสระ (IPID) ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีว่า “เรากำลังสืบสวนเหตุการณ์ซึ่งเกี่ยวข้องกับการตายของชายคนหนึ่ง ตามคำกล่าวอ้างว่าเขาตายด้วยน้ำมือตำรวจ และเรารู้สึกช็อกอย่างยิ่งหลังได้เห็นวิดีโอที่มีการเผยแพร่ออกมา” เขากล่าว “กรณีแวดล้อมการตายของเขายังเป็นแค่ข้อกล่าวหา เราขอตรวจสอบก่อนว่าแท้จริงแล้วอะไรเกิดขึ้นกันแน่”
ด้านพรรคฝ่ายค้าน พันธมิตรประชาธิปไตย (ดีเอ) เรียกร้องให้พักงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไปจนกว่าจะการสอบสวนจะแล้วเสร็จ “ข้อเท็จจริงของเหตุการณ์นี้คือพฤติกรรมการใช้ศาลเตี้ยของตำรวจแสดงให้เห็นว่าเรามิอาจเชื่อใจได้อีกแล้วว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจแอฟริกาใต้จะยึดมั่นใจกฎหมาย” เคท ลอริเมอร์ ส.ส.ท้องถิ่นกล่าว “นอกจากนี้ความจริงที่ว่าฝูงชนได้แต่ยืนดู ไม่เข้าช่วยเหลืออะไร แถมบางส่วนยังตะโกนเชียร์ บ่งบอกถึงสภาวะของสังคมเราได้อย่างดี”
องค์การนิรโทษกรรมสากลเคยเผยว่า พบการทำทารุณกรรมอย่างโหดร้ายของตำรวจแอฟริกาใต้ในรูปแบบต่างๆ มากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ทางสำนักงานสืบสวนตำรวจอิสระเสริมว่า เฉพาะช่วงระหว่างเดือนเมษายน 2011 ถึงมีนาคม 2012 ได้รับคดีเพื่อดำเนินการสืบสวนถึง 720 คดี ในนั้นมีจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับเหตุการเสียชีวิตของเหล่าผู้ต้องสงสัยในห้องขังของตำรวจ
กรมตำรวจแอฟริกาใต้ไม่ยืนยันว่านายตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีแท็กซี่นี้ถูกพักงานไปแล้วหรือไม่ ขณะที่ทางโฆษกของสำนักงานสืบสวนตำรวจอิสระก็ยอมรับว่าทางสำนักงานไม่มีอำนาจสั่งพักงานเจ้าหน้าที่รายใด “เราทำได้แค่สืบสวนและแนะนำพักงาน เราไม่มีอำนาจสั่งให้พวกเขาปลดเจ้าหน้าที่ออกจากประจำการ”
