พิจิตร - ตำรวจพิจิตรตั้ง 4 ประเด็นหลัก เหตุมือปืนใช้อาวุธสงครามยิงถล่มผู้ต้องหาฆ่าตำรวจคาสี่แยกไฟแดงกลางเมือง ทั้งฆ่าตัดตอน คดีเก่า แต่ไม่ทิ้งประเด็น ตร.-ญาติแก้แค้น ล่าสุด พบรถทีมสังหารปลอมทะเบียน ขณะที่ญาติผู้ตายเผยมือปืนยิงซ้ำถึงข้างรถ
วันนี้ (3 ม.ค.) พ.ต.ท.ไชยา ขาวแม้นจันทร์ รอง ผกก.สืบสวน สภ.เมือง จ.พิจิตร เปิดเผยความคืบหน้าคดีมือปืนใช้อาวุธสงครามเอ็ม 16 ยิงถล่มนายวิเชต หรือเชต ทมิฬวัตร ผู้ต้องหาใช้อาวุธสงครามยิง ด.ต.โลม นามนา หัวหน้าสายตรวจตำบลหัวดงจนเสียชีวิตว่า จากการตรวจสอบรถของคนร้ายที่ใช้ก่อเหตุ พบว่า ทะเบียนรถเป็นทะเบียนที่ยกเลิกการใช้ตั้งแต่ปี 2552 เจ้าของทะเบียนรถเป็นชาว อ.แม่ทะ จ.ลำปาง ซึ่งขณะนี้ได้ประสานไปยัง สภ.แม่ทะ เพื่อสืบหาเจ้าของทะเบียนต่อไป ส่วนรถที่คนร้ายใช้ก่อเหตุเป็นรถโตโยต้า วีออส ตามที่พยานเห็น
นอกจากนี้ ยังตรวจสอบไปตามเต็นท์รถ พร้อมกับขอความร่วมมือผู้เสียหายตรวจสอบเส้นทางคนร้าย ตั้งแต่การออกจากศาลจังหวัดพิจิตรไปจนถึงจุดเกิดเหตุ รวมทั้งขอดูกล้องวงจรปิดของร้านค้าในเขตเทศบาลเมืองพิจิตร ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่จะเร่งตรวจสอบคดีค้างเก่าว่าเคยมีคดีคนร้ายใช้อาวุธปืนชนิดเดียวกันที่ไหนบ้าง เพราะตำรวจวิทยาการได้ร่องรอยนิ้วมือที่ปลอกกระสุนเพียงพอที่จะสืบค้นคดีต่อไปได้
สำหรับประเด็นที่นายวิเชตผู้ตาย ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดียิง ด.ต.โลม และมาถูกยิงถล่มเสียชีวิตครั้งนี้นั้น ตำรวจตั้งสาเหตุไว้ 4 ประเด็น คือ 1.การฆ่าตัดตอนคดีจ้างวานฆ่า ด.ต.โลม 2.การเลือกตั้งท้องถิ่น 3.ความแค้นส่วนตัวในคดีเก่า เนื่องจากนายวิเชตเคยก่อเหตุปล้นฆ่าชิงทรัพย์เงินเดือนพนักงานบริษัทเซรามิกที่ จ.สมุทรปราการ และ 4.กลุ่มเพื่อนตำรวจที่อาจโกรธแค้นผู้ตายที่ยิงเพื่อนตำรวจด้วยกัน หรือญาติพี่น้อง ซึ่งชุดสืบสวนกำลังดูว่าประเด็นไหนมีน้ำหนักมากที่สุด โดยเรื่องที่เกิดขึ้นผู้บังคับบัญชาให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ เพราะเป็นคดีที่มีพฤติกรรมอุกอาจเกิดขึ้นกลางสี่แยกไฟแดงเมืองพิจิตร
ด้าน น.ส.มารยาท แย้มสุข อายุ 45 ปี ญาติของนายวิเชต ซึ่งถูกยิงได้รับบาดเจ็บ กล่าวว่า วันเกิดเหตุตนเองกับนางบุญชู ศิริ อายุ 50 ปี มาเป็นเพื่อนนายวิเชตรายงานตัวที่ศาล หลังจากได้รับการประกันตัวก็เดินทางกลับบ้านที่ ต.ดงป่าคำ เมื่อถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นสี่แยก และมีรถจอดติดไฟแดงอยู่ ก็ได้ยินเสียงปืนทางด้านหน้ารถ กระจกด้านหน้าแตก จึงรู้ว่ารถที่นั่งมาถูกยิงแน่นอนจึงได้หมอบลงกับพื้น จากนั้นได้ยินเสียงเหมือนคนทุบกระจกด้านข้าง แต่กลายเป็นคนร้ายเดินอ้อมมากระหน่ำยิงด้านข้างรถอีก เมื่อเสียงปืนสงบลง ตนพอมีสติจึงลุกขึ้นดู ก็พบว่านายวิเชตถูกยิง ส่วนนางบุญชู และตัวเองก็ถูกยิงได้รับบาดเจ็บด้วย
“อยากให้ตำรวจเร่งจับตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ แม้ว่านายวิเชตจะเป็นผู้ต้องหาก็ตาม แต่ไม่ควรมาถูกศาลเตี้ยพิพากษาประหารชีวิตกลางสี่แยกเช่นนี้”
