เอเอฟพี - ราคาน้ำมันฟื้นเล็กน้อย ส่วนวอลล์สตรีทพุ่งแรงเมื่อวันพุธ (27) จากข้อมูลบวกทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ สวนกับทองคำที่ขยับลง เหตุนักลงทุนกังวลว่าอเมริกาอาจต้องดำเนินมาตรการลดงบประมาณรายจ่ายแบบเหมารวมโดยอัตโนมัติ ตามหลังความขัดแย้งที่ยังไม่คลี่คลายในสภาคองเกรส
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 13 เซ็นต์ ปิดที่ 92.76 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 84 เซ็นต์ ปิดที่ 111.92 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ตลาดน้ำมันเคลื่อนไหวตามข้อมูลทางเศรษฐกิจอันแข็งแกร่งของสหรัฐฯ ชาติผู้บริโภครายใหญ่ หลังพบว่ายอดสั่งซื้อสินค้าคงทนในเดือนมกราคมเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เช่นเดียวกับสินค้าประเภททุน บ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจต่อภาวะเศรษฐกิจในภายภาคหน้า
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันก็ถูกฉุดรั้งไว้โดย ตัวเลขคลังน้ำมันดิบสำรองสหรัฐฯ ที่ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยรายงานของกระทรวงพลังงานระบุว่าในสัปดาห์ที่แล้ว สต๊อกน้ำมันดิบของอเมริกันเพิ่มขึ้นถึง 1.1 ล้านบาร์เรล
กระนั้นก็ดี ข้อมูลยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนอันสดใส ประกอบกับตัวเลขอันแข็งแกร่งของตลาดอสังหาริมทรัพย์สหรัฐฯ ก็ผลักให้วอลล์สตรีทวานนี้ (27) ทะยานขึ้นอย่างแรง
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 176.24 จุด (1.27 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 14,076.37 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 32.61 จุด (1.04 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,162.26 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 19.08 จุด (1.27 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,516.02 จุด
นอกจากนี้ ข้อมูลสินค้าคงทนข้างต้นแล้ว อีกปัจจัยที่เป็นแรงขับเคลื่อนตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ (27) คือข้อมูลที่ระบุว่ายอดขายบ้านที่รอปิดการขาย เพิ่มขึ้นอย่างมากในเดือนมกราคม แตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปีเลยทีเดียว
ด้านราคาทองคำวานนี้ (27) ดิ่งลงแรงราวร้อยละ 1 หลังนักลงทุนผิดหวังต่อเฟดที่ยังไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่และความกังวลที่โหมกระพือขึ้นเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่อเมริกา อาจต้องดำเนินมาตรการลดงบประมาณรายจ่ายแบบเหมารวมโดยอัตโนมัติ ซึ่งอาจกระทบต่อการเติบโต
ราคาทองคำตลาดโคเมกซ์ของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 19.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,595.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์
อนึ่ง มาตรการตัดลดงบประมาณแบบเหมารวมอย่างอัตโนมัติครั้งมโหฬาร ซึ่งเรียกขานกันว่า Sequester จะเริ่มมีผลตั้งแต่วันศุกร์ (1 มี.ค.) นี้ ถ้าหากพวกนักการเมืองในคณะรัฐบาลและรัฐสภาของสหรัฐฯ ยังไม่สามารถประนีประนอมกันเพื่อออกมาตรการอื่นๆ มาบังคับใช้แทนได้สำเร็จ