รอยเตอร์ - นิตยสารฟอร์บส์ (Forbes) จัดอันดับดีทรอยต์เป็น “เมืองยอดแย่” ของสหรัฐฯ เนื่องจากปัญหาสังคมต่างๆ ที่ศูนย์กลางอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งนี้กำลังเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นสถิติอาชญากรรมที่พุ่งสูง, ปัญหาการว่างงาน, การลดลงของประชากร และวิกฤตการเงิน
อีก 4 เมืองสำคัญที่ติด 1 ใน 5 เมืองยอดแย่ที่สุดของสหรัฐฯ ในปีนี้ ได้แก่ ไมอามี รัฐฟลอริดา, ฟลินท์ รัฐมิชิแกน, ร็อกฟอร์ด และชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ และโมเดสโต รัฐแคลิฟอร์เนีย
เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะผู้เชี่ยวชาญระบุว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ในเมืองดีทรอยต์กำลังเผชิญวิกฤตการเงินขั้นรุนแรง และอาจต้องพึ่งรัฐเข้ามาโอบอุ้มเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะล้มละลาย
ด้านเมืองฟลินท์ ซึ่งผู้ว่าการรัฐมิชิแกนได้แต่งตั้งผู้จัดการฉุกเฉินเข้าไปบริหารเมืองมานานกว่า 1 ปี ก็ประสบปัญหาไม่ต่างจากดีทรอยต์ และเป็นเมืองที่มีสถิติอาชญากรรมสูงติดอันดับต้นๆ ของสหรัฐฯ ขณะที่อัตราการว่างงานก็สูงถึง 11.3%
ฟอร์บส์เก็บข้อมูลจากเมืองใหญ่ 200 แห่งในสหรัฐฯ และทำการจัดอันดับโดยมีเกณฑ์ในการพิจารณา ได้แก่ สถิติอาชญากรรม, การยึดจำนองทรัพย์สิน, ภาษี, ราคาที่อยู่อาศัย, เวลาในการเดินทาง, สภาพอากาศ และการลดลงของประชากร
ปัญหาค่าครองชีพสูง, อาชญากรรม, การยึดจำนองทรัพย์สิน และราคาบ้านพักอาศัยที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ชิคาโกกลายเป็นเมืองยอดแย่อันดับ 4 ของสหรัฐฯ ในปีนี้ ขณะที่มหานครนิวยอร์กก็ติดโผเมืองยอดแย่อันดับ 10 ด้วยปัญหาค่าครองชีพแพงลิ่ว และยังเป็นเมืองที่เก็บภาษีรายได้บุคคลสูงที่สุดในสหรัฐฯ นอกจากนี้ชาวบิ๊กแอปเปิลยังต้องใช้เวลาเดินทางในเมืองโดยเฉลี่ยถึง 36 นาที