เอเจนซีส์ - คาดนายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ แห่งญี่ปุ่น มุ่งใช้โอกาสพบปะประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ ครั้งแรก เพื่อกระชับสัมพันธ์และขอการยืนยันสนับสนุนจากวอชิงตันท่ามกลางบรรยากาศเครียดขมึงในเอเชีย จากแนวทางก้าวร้าวของจีน และการดื้อรั้นทดสอบนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ รวมทั้งหวังจะได้รับความเห็นชอบสำหรับนโยบายเศรษฐกิจและการเงินแบบผ่อนคลายสุดขีดของตน หรืออย่างน้อยก็ไม่ถูกคัดค้านโดยตรง
ขณะที่อาเบะเป็นนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนที่ 5 ที่โอบามาจะได้พบในขณะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่ดูเหมือนอาเบะจะแตกต่างจากผู้นำแดนปลาดิบคนก่อนๆ จากการประกาศว่า การเป็นพันธมิตรกับอเมริกาจะเป็นนโยบายการต่างประเทศที่สำคัญที่สุด
ระหว่างให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ ก่อนออกเดินทางสู่วอชิงตันในวันพฤหัสบดี(21) อาเบะกล่าวว่า การกระชับความสัมพันธ์กับอเมริกาจะเป็นการส่งข้อความอันหนักแน่นไปถึงปักกิ่งที่กำลังมีกรณีพิพาทกับโตเกียวในเรื่องกรรมสิทธิ์เหนือหมู่เกาะในทะเลจีนตะวันออกที่ญี่ปุ่นเรียกว่าเซงกากุ แต่จีนเรียกว่าเตี้ยวอี๋ว์
โทโมเอกิ อิวาอิ ศาสตราจารย์รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยนิฮง มองว่า ภารกิจสำคัญของอาเบะในการเยือนครั้งนี้คือ การตอกย้ำการเป็นพันธมิตรสหรัฐฯ-ญี่ปุ่น หลังจากที่ความสัมพันธ์นี้เครียดขมึงตลอดระยะเวลา 3 ปีที่พรรคเดโมเครติก ปาร์ตี้ ออฟ เจแปน (ดีพีเจ) บริหารรัฐนาวาแดนปลาดิบ
ทั้งนี้ แหล่งข่าวในวอชิงตันเผยว่า ทำเนียบขาวจะยังคงรักษาจุดยืนเป็นกลางในกรณีพิพาทจีน-ญี่ปุ่น โดยหวังว่า คู่กรณีทั้งสองจะสามารถหาทางออกอย่างสันติได้ในที่สุด
อิวาอิสำทับว่า อาเบะ ผู้นำพรรคลิเบอรัล เดโมเครติก ปาร์ตี้ (แอลดีพี) ที่กวาดชัยชนะท่วมท้นในการเลือกตั้งเดือนธันวาคมที่ผ่านมา มีแผนการในใจในการส่งเสริมความร่วมมือทางทหารในภูมิภาคแปซิฟิก
อาเบะนั้นยืนกรานมาตลอดว่า ญี่ปุ่นจำเป็นต้องตีความรัฐธรรมนูญฉบับสันติภาพที่ยังใช้อยู่ในปัจจุบันเสียใหม่ เพื่อเปิดทางให้ทหารญี่ปุ่นสามารถปกป้องกองกำลังอเมริกันได้หากจำเป็น จากเดิมที่กองกำลังญี่ปุ่นมีสิทธิ์เพียงป้องกันตนเองเท่านั้น
จุดยืนของอาเบะในเรื่องนี้เข้าทางพวกผู้นำหลายคนในวอชิงตันที่เรียกร้องมานานแล้วว่า โตเกียวควรยืนหยัดด้วยตนเองมากขึ้น ภายในกรอบใหญ่แห่งการเป็นพันธมิตรที่พึ่งพิงอเมริกาเป็นหลักมาตลอด
สหรัฐฯ และญี่ปุ่นยังแสดงความกระตือรือร้นร่วมมือกันเพื่อตอบโต้การยั่วยุจากการเดินหน้าโครงการนิวเคลียร์และโครงการขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ โดยคาดกันว่า โอบามาและอาเบะที่มีกำหนดพบกันในวันศุกร์ (22) จะหารือเรื่องระบบป้องกันขีปนาวุธหลังจากเปียงยางทดสอบนิวเคลียร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และประสบความำเร็จในการยิงจรวดส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจร ซึ่งแท้จริงคือการทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกล ตอนปลายปี 2012 ที่ผ่านมา
นอกจากนี้แล้ว ในด้านเศรษฐกิจ อาเบะยังต้องการให้โอบามารับรองการที่ญี่ปุ่นฟื้นมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายครั้งใหญ่ ตลอดจนใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายสุดขีด ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งทำให้เงินเยนอ่อนลงราว 10% เมื่อเทียบดอลลาร์นับจากอาเบะเข้ารับตำแหน่งในเดือนธันวาคม และกระตุ้นความกังวลอย่างกว้างขวางว่า ญี่ปุ่นกำลังปั่นค่าเงินให้อ่อนลงเพื่อพาตัวเองออกจากภาวะถดถอย
มิกิทายะ มาสึยามะ ศาสตราจารย์จาก เนชันแนล แกรดูเอต อินสติติวท์ ฟอร์ โพลิซี สตัดดีส์ ในโตเกียว ชี้ว่า หาก “อาเบะโนมิก หรือนโยบายเศรษฐกิจสไตล์อาเบะ ได้รับการสนับสนุนหรืออย่างน้อยไม่ถูกคัดค้านโดยตรงจากวอชิงตัน ก็จะถือได้ว่าการเยือนของอาเบะครั้งนี้ประสบความสำเร็จงดงาม
อาเบะยังหวังว่าจะได้รับไฟเขียวจากโอบามาเพื่อให้ญี่ปุ่นสามารถเจรจาใช้มาตรการยกเว้นพิเศษสำหรับภาคเศรษฐกิจของตนที่อ่อนไหวในทางการเมือง เช่น ข้าว หากเข้าร่วมการหารือเพื่อจัดทำข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (ทีพีพี) โดยที่ธุรกิจขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นนั้นพากันยกมือสนับสนุนการเข้าร่วมทีพีพีอย่างเต็มที่ แต่กลุ่มล็อบบี้ทรงอิทธิพลในอุตสาหกรรมการเกษตรยังคงขัดขวาง
ในทางกลับกัน คาดว่าทางฝั่งอเมริกาต้องการจะเห็นความคืบหน้าของญี่ปุ่นเกี่ยวกับการให้สัตยาบันรับรองอนุสัญญากรุงเฮกปี 1980 ซึ่งมีเป้าหมายในการทำให้เด็กที่ถูกพ่อหรือแม่ลักตัวพาหลบหนีออกนอกประเทศหลังจากหย่าร้างกับคู่สมรสต่างชาติ สามารถเดินทางกลับบ้านได้ ทั้งนี้ญี่ปุ่นเป็นประเทศอุตสาหกรรมแห่งเดียวที่ยังไม่ลงนามรับรองอนุสัญญานี้ แม้ให้สัญญามานานที่จะทำเช่นนั้น
กระนั้น แหล่งข่าวทางการทูตเชื่อว่า ประเด็นนี้จะมีการหารือแบบปิดลับและปราศจากความคืบหน้าเป็นรูปธรรมใดๆ