เอเจนซีส์ - ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ แถลงนโยบายประจำปีเมื่อวันอังคาร (12ก.พ.) กล่าวถึงภารกิจสำคัญที่เขาต้องการผลักดันในระหว่างการดำรงตำแหน่งสมัยสอง ซึ่งได้แก่การเยียวยาเศรษฐกิจที่สร้างโอกาสใหม่ให้ชนชั้นกลาง, การปฏิรูปกฎหมายคนเข้าเมือง และการต่อต้านอาชญากรรมจากอาวุธปืน ขณะที่ประเด็นปัญหาด้านการต่างประเทศก็ได้รับการเอ่ยถึงบ้าง
ในการแถลงแสดงสถานะของประเทศและนโยบายประจำปี (State of the Union) ต่อที่ประชุมร่วมของรัฐสภาอเมริกันคราวนี้ โอบามาประกาศทุ่มเทความสนใจให้ปัญหาเศรษฐกิจ เช่น อัตราว่างงาน 7.9% ซึ่งเป็นปัญหาที่เรื้อรังมาตลอด 4 ปีแห่งสมัยแรกของการดำรงตำแหน่งของเขา
ขณะที่เขาแทบไม่ได้เสนออะไรที่เป็นการอ่อนข้อยอมตามการเรียกร้องของฝ่ายรีพับลิกันที่ให้ตัดลดงบประมาณรายจ่ายโดยเฉพาะทางด้านสวัสดิการสังคม โอบามายังยืนยันสนับสนุนการขึ้นภาษีกับพวกคนรวย รวมทั้งเสนอแผนการใช้จ่ายเพื่อสร้างงานเป็นจำนวน 50,000 ล้านดอลลาร์ด้วยการปรับปรุงบูรณะและสร้างบรรดาถนนและสะพานที่ชำรุดทรุดโทรมเสียใหม่
ทั้งนี้จุดเน้นสำคัญที่สุดในการแถลงของเขาคราวนี้ก็คือ จะต้อง “สร้างบันไดแห่งโอกาสอันใหม่ๆ” สำหรับชนชั้นกลาง
โอบามาเรียกร้องให้รัฐสภาร่วมกันทำความตกลงแก้ปัญหาการขาดดุลงบประมาณให้ได้ แทนที่จะยอมปล่อยให้เกิดการตัดลดงบประมาณรายจ่ายแบบอัตโนมัติในวันที่ 1 มีนาคมนี้ตามข้อตกลงเดิมที่ทำกันไว้ ซึ่งเขาระบุว่า การปล่อยให้สิ่งนี้เกิดขึ้น “เป็นความคิดอันเลวร้ายจริงๆ”
แต่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ตำหนิแนวคิดของฝ่ายรีพับลิกัน ซึ่งเรียกร้องให้แก้ปัญหาขาดดุลงบประมาณด้วยการแก้ไขตัดลดรายจ่ายด้านสวัสดิการสำหรับผู้ปลดเกษียณและโครงการประกันสุขภาพผู้สูงอายุ ท่าทีเช่นนี้ดูจะเป็นสะท้อนให้เห็นว่า เขากำลังหันมาใช้ความแข็งกร้าวเพิ่มมากขึ้น หลังจากเคยใช้จุดยืนประนีประนอมมากกว่านี้เพื่อคลี่คลายสงครามแบ่งขั้วในรัฐสภาในช่วง 4 ปีแรกแห่งการครองอำนาจของเขา
ทั้งนี้ดูเหมือนโอบามามีเจตนาที่จะใช้ชัยชนะจากการเลือกตั้งล่าสุดของเขา มาผลักดันให้รัฐสภายอมรับเป้าหมายของฝ่ายรัฐบาล ภายใต้สมมุติฐานว่าหากรีพับลิกันยังคงพยายามขัดขวาง พวกเขาก็จะต้องถูกประชาชนสั่งสอนในการเลือกตั้งคราวต่อไป เพราะแนวความคิดของรัฐบาลเวลานี้เป็นสิ่งที่ผู้มีสิทธิออกเสียงให้การสนับสนุน
ระหว่างการแถลงนโยบายคราวนี้ ช่วงที่โอบามากล่าวอย่างแสดงอารมณ์ความรู้สึกชัดเจนที่สุด ได้แก่ในตอนที่เรียกร้องให้คองเกรสรับรองร่างกฎหมายซึ่งมุ่งควบคุมความรุนแรงอันเนื่องจากอาวุธปืน เป็นต้นว่า ให้มีการตรวจสอบภูมิหลังผู้ต้องการซื้อปืน, ห้ามการขายอาวุธปืนไรเฟิลจู่โจม และจำกัดขนาดแมกกาซีนบรรจุกระสุน
นอกจากนี้ โอบามายังกระตุ้นให้สภาผ่านแผนปฏิรูปกฎหมายคนเข้าเมือง เพื่อให้ผู้เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายจำนวนมากสามารถเปลี่ยนสัญชาติเป็นพลเมืองอเมริกันภายในไม่กี่เดือน เรื่องนี้ดูมีแนวโน้มมากที่สุดว่ารีพับลิกันจะเห็นดีด้วย หลังจากตระหนักว่า ผู้มีสิทธิออกเสียงที่พูดภาษาสเปน (ฮิสปานิก) ซึ่งเป็นประชากรอเมริกันกลุ่มที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วที่สุดและมีปัญหาในเรื่องเกี่ยวกับสัญชาติมากที่สุด พากันโหวตให้โอบามาท่วมท้นในศึกชิงทำเนียบขาวปลายปีที่แล้ว เพราะมิตต์ รอมนีย์ ผู้สมัครของรีพับลิกัน เน้นย้ำแต่นโยบายมุ่งปราบปรามผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมาย
ในส่วนนโยบายการต่างประเทศนั้น โอบามาประกาศนำทหารอเมริกัน 34,000 คนจาก 66,000 คนกลับจากอัฟกานิสถานในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ก่อนถอนกำลังทั้งหมดสิ้นปีเดียวกัน
สำหรับประเด็นการทดสอบนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือที่เกิดขึ้นก่อนการแถลงนโยบายครั้งนี้ไม่กี่ชั่วโมงนั้น โอบามากล่าวว่า จะทำให้เปียงยางถูกโดดเดี่ยวมากขึ้น พร้อมให้คำมั่นที่จะเคียงข้างพันธมิตรในเอเชีย เพิ่มความเข้มแข็งในการต่อต้านขีปนาวุธ และเป็นผู้นำของโลกในการตอบโต้เกาหลีเหนือด้วยมาตรการเด็ดขาด
ในส่วนอิหร่าน ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า เตหะรานต้องตระหนักว่า ถึงเวลาแล้วสำหรับการหาทางออกทางการทูต
โอบามายังประกาศเริ่มการหารืออย่างเป็นทางการกับสหภาพยุโรป (อียู) เพื่อจัดทำข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างยุโรปกับสหรัฐฯ
คาดหมายกันว่า ข้อเสนอจำนวนมากที่โอบามาประกาศออกมาในคราวนี้ คงจะถูกขัดขวางอย่างหนักในรัฐสภา รวมทั้ง การเสนอขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจาก 7.25 ดอลลาร์ต่อชั่วโมงเป็น 9 ดอลลาร์ โดยที่รีพับลิกันโต้แย้งว่า อาจกดดันให้ภาคธุรกิจลอยแพคนงาน
เช่นเดียวกับมาตรการขึ้นภาษีคนรวยที่รีพับลิกันแสดงท่าทีคัดค้านอย่างมาก และเรียกร้องให้หาทางลดการขาดดุลงบประมาณด้วยการตัดลดรายจ่าย ขณะที่การรณรงค์ให้ควบคุมอาวุธปืนก็มีทีท่าว่าจะถูกต่อต้านรุนแรงจากกลุ่มล็อบบี้ทรงอิทธิพล อีกทั้งรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ยังมีมาตราที่รับประกันสิทธิในการครอบครองปืนของคนอเมริกันด้วย