เอเอฟพี - ญี่ปุ่นยืนยัน วันนี้ (21) มีการแขวนคอประหารชีวิตคนร้ายฆ่าเด็ก 1 ราย และฆาตกรอีก 2 คน โดยถือเป็นการประหารชีวิตนักโทษครั้งแรก นับตั้งแต่รัฐบาลอนุรักษนิยมของนายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะขึ้นสู่อำนาจหลังชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
คาโอรุ โคบายาชิ วัย 44 ปี สังหารเด็กหญิงอายุ 7 ปี และส่งรูปถ่ายร่างไร้วิญญาณไปให้กับแม่ของเธอเมื่อปี 2004 ขณะที่ มาซาฮิโร คานากาวะ วัย 29 ปี ก่อเหตุไล่แทงคนหน้าห้างสรรพสินค้าในกรุงโตเกียว ทำให้ชาย 1 คนเสียชีวิต และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 7 คน เมื่อปี 2008 ทั้งยังมีคดีฆ่าคนตายอีกรายในปีเดียวกันด้วย
ส่วนนักโทษรายที่ 3 ที่ถูกแขวนคอในวันนี้คือ เคอิกิ มูโตะ วัย 62 ปี ซึ่งบีบคอเจ้าของบาร์รายหนึ่งจนตายเพื่อชิงทรัพย์ในปี 2002
ซาดะคาซู ทานิกากิ รัฐมนตรียุติธรรมกล่าวในการแถลงข่าวว่า “ผมออกคำสั่งประหารหลังพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบแล้ว” เป็นการยืนยันว่านักโทษทั้ง 3 คนถูกประหารด้วยการแขวนคอเช้านี้
“คดีเหล่านี้เป็นคดีที่โหดเหี้ยมอย่างยิ่ง ซึ่งเหยื่อต้องถูกพรากชีวิตอันมีค่าของพวกเขาด้วยเหตุผลอันเห็นแก่ตัวอย่างมาก” เขาระบุ
สำหรับโคบายาชิ เขายอมรับว่าลักพาตัว ข่มขืน และฆาตกรรมเด็กหญิง วัย 7 ปี ซึ่งศพของเธอถูกพบในท้องร่องแห่งหนึ่ง ทางตะวันตกของประเทศ
การประหารชีวิตครั้งนี้นับเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่นักโทษประหาร 2 รายถูกแขวนคอในเดือนกันยายน ปีที่ผ่านมา ภายใต้การปกครองของรัฐบาลกลางซ้าย พรรคเดโมแครติก ปาร์ตี้ ออฟ เจแปน โดยยังทำให้จำนวนนักโทษที่ถูกประหารชีวิตในญี่ปุ่นขณะนี้อยู่ที่ 134 ราย
ในปี 2011 ญี่ปุ่นไม่ได้ประหารชีวิตนักโทษแม้แต่รายเดียว ซึ่งถือเป็นปีแรกในรอบเกือบ 2 ทศวรรษ ท่ามกลางการโต้เถียงอย่างเงียบๆ เกี่ยวกับความถูกต้องของนโยบายดังกล่าว ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากประชาชนอย่างกว้างขวาง
อย่างไรก็ตาม ในเดือนมีนาคมปีที่ผ่านมา โตเกียวนำโทษประหารกลับมาใช้อีกครั้ง โดยรัฐมนตรีนายหนึ่งของรัฐบาล ที่ลงนามอนุญาตโทษตายฆาตกร 3 ราย
นอกเหนือจากสหรัฐฯ ญี่ปุ่นเป็นเพียงประเทศอุตสาหกรรมใหญ่ ที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยเพียงประเทศเดียวที่ยังใช้บทลงโทษประหารชีวิต ซึ่งถูกคัดค้านหลายครั้งหลายคราจากรัฐบาลของประเทศในยุโรป และกลุ่มเรียกร้องสิทธิมนุษยชน