เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ประธานาธิบดีราฟาเอล บิเซนเต กอร์เรีย เดลกาโด หรือราฟาเอล กอร์เรีย แห่งเอกวาดอร์เป็นฝ่ายคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดที่จัดขึ้นในวันอาทิตย์ (17) ที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้นำหนุ่มใหญ่วัย 49 ปีที่ครองอำนาจมาตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2007 จะได้กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเอกวาดอร์ ณ ทำเนียบ “ปาลาซิโอ เด การอนเดเล็ต” เป็นสมัยที่ 3
รายงานข่าวล่าสุดจากกรุงกิโต นครหลวงของเอกวาดอร์ซึ่งอ้างผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ ระบุว่า ประธานาธิบดีราฟาเอล กอร์เรีย แห่งพรรค “อลิอันซา ปาอิส” ได้คะแนนเสียงราว 56.6 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่คู่แข่งที่ได้คะแนนตามมาแบบห่างลิบ คือ นายกิเยร์โม อัลเบร์โต ซานติอาโก ลัสโซ เมนโดซา อดีตนายธนาคารและนักธุรกิจ วัย 57 ปี จากพรรค “สร้างโอกาส” ที่ได้คะแนนเสียงเพียง 24 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ขณะที่ผู้สมัครรายอื่นๆ อีก 6 คนที่เหลือคาดว่าจะไม่มีใครได้คะแนนเสียงเกินกว่า 5 เปอร์เซ็นต์
ผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการที่ออกมาว่าประธานาธิบดีกอร์เรียได้คะแนนเสียงกว่า 56.6 เปอร์เซ็นต์นั้น หมายความว่า เอกวาดอร์ไม่จำเป็นต้องจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดี “รอบชี้ขาด” ขึ้นอีก เนื่องจากกอร์เรียได้คะแนนเสียงในการเลือกตั้งรอบแรกผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำที่ 50 เปอร์เซ็นต์ไปแล้ว ทั้งยังมีคะแนนทิ้งห่างผู้สมัครที่ได้อันดับที่ 2 อย่างน้อย 10 จุดตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้
ด้านกิเยร์โม ลัสโซ คู่แข่งที่ได้คะแนนตามหลังกอร์เรีย ได้ออกมาแถลงยอมรับความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งแล้ว พร้อมแสดงความคาดหวังว่าการบริหารประเทศสมัยที่ 3 ของประธานาธิบดีกอร์เรียจะดำเนินไปอย่างราบรื่น
ขณะที่ประธานาธิบดีกอร์เรีย ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในผู้นำที่มีคะแนนนิยมจากประชาชนสูงที่สุดของทวีปอเมริกาต่อเนื่องกันมาหลายปีได้ออกมากล่าวที่กรุงกิโตโดยขอบคุณกลุ่มผู้สนับสนุน และเรียกร้องให้ชาวเอกวาดอร์ร่วมมือกับตัวเขาในการบริหารประเทศใน 4 ปีนับจากนี้ เพื่อให้กระบวนการปฏิวัติประเทศดำเนินต่อไปและนำชาวเอกวาดอร์ไปสู่การมีชีวิตที่ดีกว่าปัจจุบัน
ทั้งนี้ กอร์เรียซึ่งสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท และปริญญาเอกทางด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ของสหรัฐฯ และมีแนวคิดทางการเมืองแบบเอียงซ้าย ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำคนแรกในรอบหลายปีของเอกวาดอร์ที่สามารถสร้างความมีเสถียรภาพทางการเมืองได้สำเร็จ จากที่เอกวาดอร์เคยได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งการประท้วงและการยึดอำนาจ ขณะเดียวกัน นโยบายปฏิรูประบบประกันสุขภาพ และการศึกษาของกอร์เรียยังส่งผลให้ตัวเขาได้รับความนิยมจากประชาชนอย่างมาก รวมถึงความสำเร็จในการแก้ปัญหาความยากจน