เอเอฟพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งชาวไซปรัสกว่า 550,000 คน ต่างพร้อมใจออกไปใช้สิทธิ์ในวันอาทิตย์ (17) เพื่อเลือกประธานาธิบดีคนใหม่ของประเทศ ท่ามกลางภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจที่รุมเร้าจนสถานะของประเทศสุ่มเสี่ยงต่อการล้มละลาย โดยเป็นที่คาดกันว่า นิคอส อนาสตาเซียเดส วัย 66 ปีผู้นำพรรคฝ่ายค้าน “ไดซี” ซึ่งมีแนวคิดทางการเมืองแบบนิยมขวาอาจเป็นฝ่ายคว้าชัย
การเลือกตั้งประธานาธิบดีไซปรัสที่จัดขึ้นในวันอาทิตย์ (17) ถือเป็นการเลือกตั้งหนแรก ที่ประเด็นด้านเศรษฐกิจกลายมาเป็นประเด็นหลักที่มีผลในการตัดสินใจเลือกผู้สมัครของชาวไซปรัส หลังจากที่การเลือกตั้งครั้งก่อนๆ ประเด็นเรื่องการรวมชาติหว่างไซปรัสส่วนเหนือที่อยู่ใต้อิทธิพลของตุรกี กับไซปรัสส่วนใต้ที่ผูกพันกับกรีซและสหภาพยุโรป (อียู) คือประเด็นที่ถูกยกให้มีความสำคัญมากที่สุดมาโดยตลอด
ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดที่มีการเผยแพร่เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาระบุว่า อนาสตาเซียเดส มีคะแนนนิยมนำหน้าคู่แข่งสำคัญอย่าง สตาฟรอส มาลาส วัย 45 ปีจากพรรคคอมมิวนิสต์ “AKEL” อยู่มากกว่า 20 จุด โดยอนาสตาเซียเดสถูกมองว่าเป็นนักการเมืองที่ทางสหภาพยุโรป (อียู) สามารถเจรจาต่อรองด้วยได้ง่ายกว่า และมีนโยบายทั้งทางการเมือง และเศรษฐกิจที่ยืดหยุ่นมากกว่าคู่แข่งคนสำคัญของเขา
อย่างไรก็ดี หากไม่มีผู้สมัครรายใดได้รับคะแนนเสียงถึง 50 เปอร์เซ็นต์ในรอบแรก ก็ต้องมีการจัดเลือกตั้งรอบชี้ขาดภายในวันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้ต่อไปและผู้ชนะซึ่งจะได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีนาน 5 ปีมีภาระสำคัญรออยู่เบื้องหน้า คือ การหาทางเจรจากับเจ้าหนี้ 3 ฝ่ายหรือ “ทรอยกา” ที่ประกอบด้วย คณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เพื่อขอรับความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจมูลค่าไม่ต่ำกว่า 17,000 ล้านยูโร
ทั้งนี้ เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว รัฐบาลไซปรัส ได้ประกาศขอรับความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจจากต่างประเทศ หลังจาก “ไซปรัส ป็อปปูลาร์ แบงก์” ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ ประสบปัญหาสภาพคล่องอย่างหนัก ขณะเดียวกัน สถาบันจัดอันดับชื่อดังอย่าง “ฟิตช์” ก็ปรับลดความน่าเชื่อถือด้านเครดิตเรตติ้งของไซปรัสลงสู่ระดับ “ขยะ”