เอเอฟพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - สายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ส และยูเอส แอร์เวย์ส ใกล้บรรลุข้อตกลงในการควบรวมกิจการระหว่างกัน ซึ่งจะนำไปสู่การถือกำเนิดของสายการบินที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ
รายงานซึ่งอ้าง “วอลล์สตรีท เจอร์นัล” ระบุว่า บอร์ดบริหารของทั้งอเมริกัน แอร์ไลน์ส และยูเอส แอร์เวย์ส มีกำหนดนัดหารือแยกกันในวันพุธ (13) นี้ และอาจมีการเปิดเผยข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์ภายในวันพฤหัสบดี (14) แม้เจ้าหน้าที่ของทั้งสองสายการบินยังคงปฏิเสธที่จะให้ความเห็นใดๆ ต่อข่าวดังกล่าว
การควบรวมกิจการของอเมริกัน แอร์ไลน์ส และยูเอส แอร์เวย์ส ซึ่งมีรายได้รวมกันในปีที่แล้วกว่า 38.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.2 ล้านล้านบาท) จะส่งผลให้เกิดสายการบินขนาดใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ที่มีจำนวนเครื่องบินโดยสารในฝูงบินรวมกันกว่า 1,530 ลำ และมีเที่ยวบินให้บริการในระดับภูมิภาคไม่ต่ำกว่า 6,428 เที่ยวต่อวัน ซึ่งจะทำให้อเมริกัน แอร์ไลน์ส และยูเอส แอร์เวย์สก้าวแซงหน้าสายการบินคู่แข่งสำคัญอย่าง ยูไนเต็ด แอร์ไลน์สและเดลตา แอร์ไลน์ส นอกจากนั้น หากข้อตกลงดังกล่าวประสบความสำเร็จยังจะช่วยให้สายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์สฟื้นคืนชีพอีกครั้งจากการปรับโครงสร้างหลังการล้มละลายในช่วงก่อนหน้านี้
แนวคิดเรื่องการควบรวมกิจการระหว่างอเมริกัน แอร์ไลน์ส และยูเอส แอร์เวย์สดังกล่าวเริ่มถูกพูดถึงมากขึ้นนับตั้งแต่ที่ทางอเมริกัน แอร์ไลน์สต้องขอรับความคุ้มครองการล้มละลายจากรัฐบาลสหรัฐฯเมื่อพฤศจิกายน ปี 2011 และในขณะนี้ทางอเมริกัน แอร์ไลน์สก็ยังคงต้องดำเนินกิจการภายใต้การดูแลจากศาล รวมถึงใช้มาตรการตัดลดค่าใช้จ่ายผ่านกระบวนการเจรจาต่อรองเรื่องค่าจ้างและผลประโยชน์ของพนักงานกับทางสหภาพแรงงานของสายการบิน ขณะที่ความเป็นไปได้ในการควบรวมกิจการระหว่างอเมริกัน แอร์ไลน์ส และยูเอส แอร์เวย์สนั้นก็ได้รับการสนับสนุนอย่างเปิดเผยจากบรรดาแกนนำของสหภาพฯ ตั้งแต่เดือนเมษายนปีที่แล้ว
อย่างไรก็ดี ข้อตกลงในการควบรวมกิจการของทั้งสองสายการบินดังกล่าวยังจำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากบรรดาผู้ถือหุ้น รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการกำกับดูแลอุตสาหกรรมการบินสหรัฐฯ ตลอดจนต้องได้รับความเห็นชอบจากศาลล้มละลายกลางของสหรัฐฯ เช่นกัน
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมการบินของสหรัฐฯ โดยภาพรวมในขณะนี้ เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นกว่าเมื่อ 2-3 ปีก่อนจากผลของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น ขณะเดียวกัน บรรดาสายการบินต่างๆในสหรัฐฯ ก็เริ่มมีผลประกอบการที่ดีขึ้นจากการที่มีผู้ใช้บริการเพิ่ม ส่งผลให้ที่นั่งว่างเปล่าในแต่ละเที่ยวบินลดลง รวมทั้งผลจากการปรับขึ้นค่าโดยสารและค่าบริการต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมา