เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ข้อมูลล่าสุดยืนยันสาธารณรัฐประชาชนจีนสามารถแซงหน้าสหรัฐฯ ขึ้นสู่ตำแหน่งประเทศผู้ทำการค้าขายรายใหญ่ที่สุดของโลกได้สำเร็จ ตั้งแต่เมื่อปี 2012 ที่ผ่านมา
รายงานข่าวซึ่งอ้างข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ระบุว่า มูลค่าการส่งออกและนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ ในปี 2012 ที่เพิ่งผ่านพ้นไปมียอดรวมทั้งสิ้น 3.82 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 113 ล้านล้านบาท) ขณะที่ข้อมูลจากหน่วยงานด้านศุลกากรของรัฐบาลปักกิ่ง ยืนยันว่ามูลค่าการค้าของจีนในปีที่แล้วมีทั้งสิ้น 3.87 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 115 ล้านล้านบาท) ซึ่งหมายความว่าจีนสามารถแซงหน้าสหรัฐฯ ขึ้นไปครองตำแหน่งดินแดนที่มีมูลค่าการค้าระหว่างประเทศสูงที่สุดในโลกได้อย่างเป็นทางการแล้ว ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วขนาดเศรษฐกิจของสหรัฐฯ มีขนาดใหญ่กว่าเศรษฐกิจของจีนหลายเท่าตัว
จิม โอ'นีลล์ ประธานฝ่ายบริหารจัดการสินทรัพย์ของ “โกลด์แมน แซกส์” ระบุว่า อิทธิพลด้านการค้าของจีนที่ขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ในขณะนี้จีนได้กลายเป็นคู่ค้าแบบ “ทวิภาคี” ที่สำคัญที่สุดของหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงเยอรมนี และฝรั่งเศส สองชาติยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจของยุโรป ที่มีมูลค่าการค้ากับจีนเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล โดยโอนีลล์ชี้ว่าหากภาวะด้านการค้าระหว่างประเทศของจีนยังคงดำเนินในอัตราเช่นนี้ต่อไปจะส่งผลให้ภายในปี 2020 ประเทศต่างๆ ในยุโรปจะหันมาทำการค้ากับจีนในสัดส่วนที่สูงกว่าการค้าขายระหว่างชาติในยุโรปด้วยกันเอง และเมื่อถึงตอนนั้นบทบาทและอำนาจของสหภาพยุโรป (อียู) ในเวทีเศรษฐกิจโลกก็จะถูกสั่นคลอนอย่างร้ายแรง
ด้านนิโคลัส ลาร์ดี นักวิจัยอาวุโสแห่งสถาบันพีเทอร์สันว่าด้วยเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ ที่ตั้งอยู่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เผยผ่านอีเมลโดยระบุว่า การก้าวขึ้นครองตำแหน่งชาติผู้ทำการค้ารายใหญ่ที่สุดในโลกของจีนในครั้งนี้ถือเป็นเรื่องที่บรรดาผู้เกี่ยวข้องในรัฐบาลสหรัฐฯ ต้องพึงหาทางรับมือ เนื่องจากถือเป็นเรื่องที่ไม่น่ายินดีนักที่จีนซึ่งมีขนาดของเศรษฐกิจเล็กกว่าสหรัฐฯ มาก กลับสามารถสร้างมูลค่าการค้าระหว่างประเทศทั้งการนำเข้าและการส่งออกได้มากกว่าสหรัฐฯ นอกจากนั้น เศรษฐกิจของจีนยังมีการเติบโตเฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 9.9 ต่อปี นับตั้งแต่ ค.ศ. 1978 เป็นต้นมา สวนทางกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างสิ้นเชิง
ทั้งนี้ ความสำเร็จของจีนในการก้าวขึ้นครองตำแหน่งประเทศที่มีมูลค่าการค้าสูงที่สุดในโลกในปี 2012 ยังถือเป็นเรื่องที่สร้างความประหลาดใจให้กับบรรดานักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ของสถาบันการเงินชื่อดังอย่าง “เอชเอสบีซี” ที่เคยระบุว่าจีนไม่มีทางจะแซงหน้าสหรัฐฯ ขึ้นเป็นประเทศที่มีมูลค่าการค้าสูงสุดของโลกได้ จนกว่าจะถึงปี 2016
