ตั้งข้อหาอดีตนาวิกฯ มะกันยิง “สไนเปอร์” มือฉมังจากสงครามอิรักดับ

เอเอฟพี - ทหารผ่านศึกชาวอเมริกันรายหนึ่งถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมชาย 2 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นอดีตมือปืนสไนเปอร์ของหน่วยนาวิกโยธินพิเศษ “ซีลส์” ผู้แต่งหนังสือขายดี ที่บอกเล่าประสบการณ์การยิงสังหารศัตรูในสงครามอิรัก

เจ้าหน้าที่เผยว่า คริส ไคลย์ ผู้เขียนอัตชีวประวัติเรื่อง “American Sniper : The Autobiography of the Most Lethal Sniper in U.S. Military History” และแชด ลิตเติลฟิลด์ เพื่อนของเขา ถูกยิงเสียชีวิต ณ สนามยิงเป้าในเกลนโรส มลรัฐเทกซัส เมื่อวันเสาร์ (2) ที่ผ่านมา

ทั้งนี้เชื่อว่าชายทั้ง 2 คนเป็นผู้พามือปืนต้องสงสัย เอ็ดดี รูธ อดีตนาวิกโยธินสหรัฐฯ วัย 25 ปี ไปยังสนามฝึงยิงปืนที่เกิดเหตุ

ด้านเจสัน อัปชอว์ เจ้าหน้าที่สำนักงานบังคับกฎหมาย อีรัธ เคาน์ตี เผยในวันอาทิตย์ (3) ว่า ไคลย์ และลิตเติลฟิลด์เสียชีวิตเนื่องจากถูกยิง และรูธถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม 2 กระทง และฆาตกรรมด้วยเหตุฉกรรจ์อีก 1 กระทง

“เราสูญเสียวีรบุรุษของชาวอเมริกันไปถึง 2 คน” อัปชอว์กล่าว โดยระบุว่าอาวุธที่คาดว่าน่าจะใช้ในการก่อเหตุคือ ปืนพกกึ่งอัตโนมัติ ซึ่งถูกพบในบ้านของรูธ

สำหรับไคลย์วัย 38 ปี เป็นมือปืนสไนเปอร์ในหน่วยซีลส์ 3 ซึ่งคอยคุ้มกันเหล่านาวิกโยธิน และทหารอเมริกัน ในเขตต่อสู้ เขาสร้างสถิติการสังหารอันโดดเด่น โดยยิงตรงเป้าหมายในระยะไกลที่สุดถึง 2 กิโลเมตร และคร่าชีวิตศัตรูมาแล้วมากกว่า 150 คนในระหว่างรับใช้ชาติ รวมถึงการปฏิบัติหน้าที่ในสงครามอิรัก 4 ครั้ง

ภายหลังออกจากหน่วยซีลส์ เขายังได้ตั้งกลุ่มให้ความช่วยเหลืออดีตทหารที่ได้รับความเดือดร้อน

ส่วนหนังสือบันทึกความทรงจำของเขาได้บรรยายเรื่องราวการต่อสู้ ที่เขาประสบพบเจอในฐานที่มั่นกลุ่มติดอาวุธอิรักหลายแห่ง เช่น รามาดี และฟาลลูญะห์ เขายังเขียนว่าตัวเองได้ฉายา “เดอะ เดวิล” จากกลุ่มอัลกออิดะห์ และยังถูกตั้งค่าหัวอีกด้วย

ขณะที่ ทอมมี ไบรแอนต์ พนักงานบังคับกฎหมายเผยว่า รูธอาจมีอาการป่วยทางจิตบางอย่าง หรือความผิดปกติทางจิตใจภายหลังภยันตราย (พีทีเอสดี) โดยแม่ของเขาอาจติดต่อมูลนิธิให้ความช่วยเหลือทหารผ่านศึก ซึ่งไคลย์ก็มีส่วนร่วม

ยิ่งไปกว่านั้น กองทัพสหรัฐฯ ยืนยันในวันอาทิตย์ว่า รูธเคยประจำการอยู่กับหน่วยนาวิกโยธินในอิรัก แต่ปัจจุบันถูกปลดเป็นแค่ทหารกองหนุน