รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-ประชากรเชื้อสายฮิสแปนิกในมลรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ กำลังจะเพิ่มจำนวนเทียบเท่ากับประชากรผิวขาวในปีนี้ ก่อนที่พวกฮิสแปนิกจะเพิ่มจำนวนขึ้นจนครองตำแหน่งกลุ่มชาติพันธุ์ประชากรที่มีจำนวนมากที่สุดของรัฐในปี 2014 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ นับแต่มีการก่อตั้งมลรัฐแห่งนี้เมื่อ ค.ศ. 1850 เป็นต้นมา
การเปิดเผยข้อมูลของทางการก่อนหน้านี้พบว่า เมื่อปี 2010 จำนวนประชากรผิวขาวในแคลิฟอร์เนียยังคงมีสัดส่วนราว 40 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมดของรัฐ ขณะที่ในปีดังกล่าวจำนวนประชากรเชื้อสายฮิสแปนิกมีสัดส่วนอยู่ที่ราว 38 เปอร์เซ็นต์จากจำนวนประชากรทั้งรัฐที่มีอยู่ไม่ต่ำกว่า 38 ล้านคน
แต่ผลการศึกษาล่าสุดของรัฐแคลิฟอร์เนียพบว่า ประชากรฮิสแปนิกจะเพิ่มจำนวนจนกลายเป็นชาติพันธุ์ที่มีจำนวนมากที่สุดของรัฐในปี 2014 แซงหน้าชาวผิวขาวได้เป็นครั้งแรก นอกจากนั้น ภายในปี 2020 ประชากรเชื้อสายฮิสแปนิกจะกลายเป็นชนส่วนใหญ่ของแคลิฟอร์เนียด้วยสัดส่วน 40.8 เปอร์เซ็นต์ ส่วนประชากรอเมริกันผิวขาวจะมีสัดส่วนลดลงเหลือเพียง 36.6 เปอร์เซ็นต์ ตามมาด้วยพวกที่มีเชื้อสายเอเชียที่ราว 13.4 เปอร์เซ็นต์ และคนผิวดำราว 5.6 เปอร์เซ็นต์
การเปลี่ยนแปลงด้านโครงสร้างประชากรดังกล่าว เป็นผลโดยตรงจากการเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วของพวกฮิสแปนิก หรือพวกที่มีเชื้อสายจากละตินอเมริกา ทั้งที่เมื่อปี 2000 ประชากรกลุ่มนี้เพิ่งจะมีสัดส่วนเพียงแค่ 12.5 เปอร์เซ็นต์ของประชากรอเมริกันทั้งประเทศเท่านั้น
การเผยแพร่ข้อมูลล่าสุดมีขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่กำลังมีการถกเถียงกันอย่างกว้างขวางในสังคมอเมริกันเกี่ยวกับการปฏิรูปกฎหมายและมาตรการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการตรวจคนเข้าเมืองของสหรัฐฯ ท่ามกลางการเรียกร้องของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่ต้องการให้สภาคองเกรสสยอมรับการให้โอกาสแก่พวกเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายให้ได้เข้าสู่กระบวนการของการเป็นพลเมืองอเมริกันในอนาคต