เอเอฟพี - เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.7 ทางตอนเหนือของชิลี วานนี้ (30) สร้างความตื่นตระหนกแก่ชาวบ้านที่ต่างวิ่งหนีออกจากอาคารจ้าละหวั่น และทำให้ระบบจ่ายไฟฟ้าและโทรศัพท์ขัดข้องทั่วภูมิภาค
แรงสั่นสะเทือนซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเวลา 20.15 GMT (ราว 03.15 น.ตามเวลาในไทยวันนี้) มีศูนย์กลางอยู่ลึกลงไปเพียง 45.7 กิโลเมตร และห่างจากเมืองโกปิอาโปซึ่งเป็นแหล่งทำเหมืองแร่ ประมาณ 102 กิโลเมตร สำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาสหรัฐฯ (USGS) รายงาน
ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ห่างจากกรุงซันติอาโกไปทางทิศเหนือราว 800 กิโลเมตร ซึ่งขณะนี้ทางการชิลียังไม่มีรายงานยอดผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต
เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเปิดเผยว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้กินเวลานานกว่า 1 นาที ซึ่งความรุนแรงของมันส่งผลให้ระบบโทรศัพท์และไฟฟ้าล่มในหลายเมืองทั่วภูมิภาค
ชาวบ้านในเมืองอาตากามาที่รับรู้แรงสั่นสะเทือนต่างพากันวิ่งหนีออกจากอาคาร ไม่ต่างจากภาพเหตุการณ์สึนามิถล่มชายฝั่งตอนใต้ของชิลีเมื่อ 3 ปีก่อน ส่วนอาคารหลายแห่งในเมืองโกปิอาโปถึงกับกระจกแตก
“ที่ศาลาว่าการเมือง สิ่งของที่เปราะบางได้รับความเสียหายหมด แม้แต่โทรทัศน์ยังร่วงจากชั้นวาง ประชาชนพาวิ่งหนีออกจากอาคารกันจ้าละหวั่น” คริสเตียน ทาเปีย นายกเทศมนตรีเมืองวัลเลนาร์ ให้สัมภาษณ์
ศูนย์เตือนภัยสึนามิในมหาสมุทรแปซิฟิกซึ่งมีฐานอยู่ในรัฐฮาวาย ระบุว่า จากรายงานเบื้องต้นและข้อมูลเชิงประวัติ คาดว่าจะไม่เกิดคลื่นสึนามิที่มีอานุภาพทำลายล้างเป็นบริเวณกว้าง แต่แผ่นดินไหวรุนแรงระดับนี้อาจสร้างความเสียหายในระดับท้องถิ่น
ขณะเดียวกัน ระบบเตือนภัยสึนามิแห่งชาติของชิลีก็แถลงตรงกันว่า ลักษณะแผ่นดินไหวครั้งนี้ไม่ตรงเงื่อนไขที่จะก่อให้เกิดสึนามิได้
แผ่นดินไหวขนาด 8.8 ริกเตอร์ ในแคว้นเมาเล (Maule) ทางตอนกลางของชิลี เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2010 กระตุ้นให้เกิดคลื่นสึนามิขนาดใหญ่ซัดเข้าชายฝั่งทางตอนใต้ คร่าชีวิตประชาชนไปกว่า 500 คน และคิดเป็นมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่า แผ่นดินไหวเมื่อวานนี้ (30) ไม่มีส่วนเชื่อมโยงกับเหตุการณ์เมื่อปี 2010 เพราะเป็นการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกคนละแผ่นกัน