เอเอฟพี/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ความคลั่งไคล้ในรูปลักษณ์ภายนอกทำให้คนไทยจำนวนไม่น้อยหันไปพึ่งบริการเสริมความงามแบบแปลกๆ ไม่ว่าจะเป็นการตบหน้าอก, ยกหน้า, ฟอกสบู่ปรับผิวขาวสำหรับจุดซ่อนเร้น หรือแม้กระทั่งคุณผู้ชายที่ยอมระบมฉีดน้ำมันมะกอกเพื่อเพิ่มขนาดอวัยวะเพศ
หญิงวัยกลางคนซึ่งอ้างตัวเป็นเจ้าตำรับ “ตบนม” เพิ่มขนาดหน้าอก เล่าว่า เธอมีเทคนิคไม่เหมือนใครที่จะช่วยขยายเต้าให้ลูกค้าได้อย่างน้อย1 ไซส์บราเซีย โดยไม่ต้องพึ่งมีดหมอให้เจ็บตัว
“นี่แหละคือความงามตามธรรมชาติ รับรองผลล้านเปอร์เซ็นต์ค่ะ” สตรีวัย 46 ปีผู้ได้ฉายา “คุณหญิงตบนม” ยืนยันกับผู้สื่อข่าวเอเอฟพี
อาชีพของเธอทำเงินวันหนึ่งๆมิใช่น้อย ด้วยค่าบริการ 600 บาทสำหรับการตบหน้าอก 2 ครั้ง ครั้งละ 15 นาที ส่วนลูกค้าที่ต้องการตบเพื่อยกกระชับใบหน้าก็ต้องจ่ายราวๆ 1,000 บาทต่อครั้ง
คุณหญิงตบนม เล่าว่า เธอตบให้ลูกค้ามานานถึง 28 ปีแล้ว ที่มาที่ไปเกิดจากการที่เธอมีหน้าอกเล็ก คุณยายซึ่งล่วงลับไปแล้วจึงได้ถ่ายทอดเทคนิคพิเศษให้ ซึ่งเธอนำมาให้บริการแก่ลูกค้าราว 20 คนต่อวัน
ในสังคมซึ่งความสวยความงามถือเป็นเรื่องใหญ่ ไม่เพียงผู้หญิงไทยเท่านั้นที่ต้องการเสริมสิ่งที่ธรรมชาติให้มา แม้แต่ผู้ชายบางคนก็ยังไปฉีดน้ำมันมะกอก, ขี้ผึ้ง, ซิลิโคน หรือแม้กระทั่งพาราฟินเข้าอวัยวะสืบพันธุ์ โดยเชื่อว่าจะทำให้ขนาดใหญ่โตขึ้น
นพ.สุรัติ กิตติศุภพร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบบปัสสาวะจากโรงพยาบาลตำรวจ อธิบายว่า การฉีดสารแปลกปลอมอาจทำให้อวัยวะเพศเกิดผื่นแดง หรือติดเชื้ออย่างรุนแรง ซึ่งแต่ละเดือนจะมีคนไข้เข้ามารักษาอาการไม่พึงประสงค์จากการฉีดสารเพิ่มขนาดเจ้าโลกสูงถึง 300 คน
เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว นพ.สุรัติ ต้องทำการตัดอวัยวะเพศคนไข้ชายวัย 50 ปีรายหนึ่งทิ้ง หลังจากที่เขาพยายามฉีดน้ำมันมะกอกใส่อวัยวะเพศซ้ำหลายครั้ง
“ร่างกายคนเราจะมีปฏิกิริยาต่อต้านสารแปลกปลอม ถ้าเกิดการระคายเคืองหรือติดเชื้อต่อเนื่องเป็นเวลานาน การรักษาก็จะยิ่งยากขึ้น แม้แต่จะเดินหรืออาบน้ำก็ยังลำบาก” นพ.สุรัติ เผย
ผู้ช่วยศาสตราจารย์แพทย์หญิง สุวิรากร โอภาสวงศ์ จากสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย ระบุว่า ค่านิยมเรื่องรูปร่างหน้าตาที่สวยงามไร้ที่ตินั้นอยู่คู่กับคนไทยมานานแล้ว
“ค่านิยมเช่นนี้เกิดจากความเชื่อที่ว่า ชนชั้นสูงจะต้องมีผิวขาวผุดผ่อง ส่วนคนที่ผิวดำคล้ำจะเป็นชนชั้นล่าง”
กระแสวัฒนธรรมเกาหลีซึ่งเข้ามามีอิทธิพลในเมืองไทยหลายปีมาแล้ว ก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้คนหันมาทำศัลยกรรมเสริมความงามเพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อน เพราะต้องการดูดีเหมือนดารา “เค-ป๊อบ” ที่เป็นไอดอลของตน
ความนิยมดังกล่าวยังเป็นที่มาของคลินิกศัลยกรรมเถื่อน ซึ่งคนไข้แม้จะเสียสตางค์น้อยกว่า แต่ก็ต้องยอมรับความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
ข่าวการเสียชีวิตของ น.ส.อาทิตยา เอี่ยมใหญ่ หรือ “น้องกระแต” พริตตี้สาววัย 33 ปี จากการฉีดฟิลเลอร์เข้าสะโพก เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เป็นอีกหนึ่งอุทาหรณ์เตือนใจคุณผู้หญิงที่คิดจะสวยโดยพึ่งหมอศัลยกรรมเถื่อน
อย่างไรก็ตาม ณัฐชานันท์ อังคุตโรธรรม พริตตี้วัย 25 ปี บอกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับ น.ส. อาทิตยา ไม่ได้ทำให้เธอกลัวการศัลยกรรมแต่อย่างใด
“อาชีพอย่างเราต้องดูแลตัวเองให้ดูดีอยู่ตลอดเวลา ไม่อย่างนั้นก็จะไม่ต่างอะไรกับคนอื่น” เธอบอก
ไวเทนนิงครีม หรือแม้กระทั่งสบู่ปรับผิวขาวสำหรับจุดซ่อนเร้น สามารถหาซื้อได้ง่ายตามห้างสรรพสินค้าทั่วเมืองไทย ด้วยความเชื่อที่ว่าผิวขาวบ่งบอกถึงสถานะทางสังคมที่สูงกว่า และดึงดูดเพศตรงข้ามได้มากกว่าด้วย
สำหรับผู้มีอันจะกินหรือ “ไฮโซ” ในสังคมไทย บริการเสริมความงามระดับมาตรฐานก็มีให้เลือกอย่างแพร่หลาย ในสนนราคาที่สมน้ำสมเนื้อ
13,000-200,000 บาท คือยอดเงินที่ลูกค้าจะต้องจ่ายสำหรับโปรแกรมร้อยไหมทอง (gold thread lift) ซึ่งอ้างว่าจะช่วยให้ใบหน้ากระชับและเปล่งปลั่ง เฉกเช่นพระนางคลีโอพัตราแห่งอาณาจักรอียิปต์โบราณที่ใช้ทองคำบริสุทธิ์ประทินโฉม
Dr. Maciej Lichaj นักสุนทรียศาสตร์ชาวโปแลนด์ผู้เชี่ยวชาญการร้อยไหมทอง อธิบายว่า เส้นไหมทองคำบริสุทธิ์ที่ถูกร้อยเข้าไปในผิวหน้าจะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น
“คนเอเชียต่างหลงใหลความงามของทองคำ พวกเขาต้องการมีทองคำอยู่ทั้งภายนอกและภายใน” ดร. Lichaj กล่าว พร้อมระบุว่า การเสริมความงามด้วยวิธีนี้จะเห็นผลชัดเจนในเวลาเพียงไม่กี่เดือน
อย่างไรก็ตาม ผศ.พญ.สุวิรากร เตือนว่า ทุกคนไม่จำเป็นต้องเสาะแสวงหาความเป็นหนุ่มเป็นสาว หรือผิวพรรณที่ขาวผุดผ่องเสมอไป
“คนเราไม่จำเป็นต้องมีผิวขาวถึงจะสวยได้ การมีบุคลิกภาพที่ดี มีความรู้ และความสามารถด้านอื่นๆ เป็นสิ่งสำคัญกว่า... ความงามที่มาจากภายในย่อมจะดีกว่าอย่างแน่นอน”