เอเอฟพี - รัฐบาลญี่ปุ่นแถลงยอดขาดดุลการค้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2012 สืบเนื่องจากวิกฤตหนี้สินยูโรโซนที่ทำให้การส่งออกไปยังตลาดยุโรปลดน้อยลง ขณะที่ปัญหาข้อพิพาทหมู่เกาะในทะเลจีนตะวันออกก็ส่งผลให้อุปสงค์สินค้าญี่ปุ่นในแดนมังกรตกลงอย่างฮวบฮาบ
ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนภารกิจหนักอึ้งที่รัฐบาลนายกรัฐมนตรี ชินโสะ อาเบะ จะต้องเผชิญนับจากนี้ เพื่อรักษาสัญญาในช่วงหาเสียงเลือกตั้งที่ว่าจะฟื้นเศรษฐกิจญี่ปุ่นให้กลับมาเฟื่องฟุ้งรุ่งเรื่อง ด้วยนโยบายใช้จ่ายงบสาธารณะก้อนโต และกดดันธนาคารกลางแห่งญี่ปุ่นให้ออกมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเชิงรุก
ข้อมูลจากกระทรวงการคลังญี่ปุ่น ระบุว่า ยอดขาดดุลการค้าในปีที่แล้วสูงถึง 6.92 ล้านล้านเยน (ราว 2.31 ล้านล้านบาท) เฉพาะในเดือนธันวาคมขาดดุลไปถึง 641,500 ล้านเยน (ราว 214,000 ล้านบาท) ซึ่งเหนือความคาดหมายของรัฐบาล
นับเป็นปีที่ 2 ต่อเนื่องกันที่มูลค่าการค้าตลอดทั้งปีของญี่ปุ่นอยู่ในสภาวะขาดดุล
มูลค่าการส่งออกของญี่ปุ่นอยู่ที่ราวๆ 63.7 ล้านล้านเยน (ราว 21.2 ล้านล้านบาท) ในปี 2012 ขณะที่ต้องนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศถึง 70.7 ล้านล้านเยน (ราว 23.6 ล้านล้านบาท)
“ปี 2012 ถือเป็นปีที่ย่ำแย่ที่สุด และแม้จะมีแนวโน้มขาดดุลลดลงในปี 2013 แต่ก็คงอีกนานกว่าญี่ปุ่นจะกลับมาได้ดุลการค้าเช่นเดิม” มิโนริ อูจิดะ นักวิเคราะห์ตลาดเงินตราต่างประเทศจากธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าว ดาวโจนส์ นิวส์ไวร์
แม้ญี่ปุ่นจะเป็นฝ่ายได้ดุลการค้ากับสหรัฐฯในปี 2012 แต่การค้าขายกับสหภาพยุโรปตลอดทั้งปีกลับขาดดุลถึง 139,700 ล้านเยน (ราว 46,500 ล้านบาท) อันเป็นผลกระทบจากภาวะหนี้สินในยุโรปที่ส่งผลให้ความต้องการสินค้าญี่ปุ่นหดหายแทบทุกประเภท ตั้งแต่โทรทัศน์ไปจนถึงรถยนต์
ญี่ปุ่นยังขาดดุลการค้ากับจีนเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว 3.52 ล้านล้านเยน (ราว 1.17 ล้านล้านบาท) หลังจากชาวจีนพากันคว่ำบาตรสินค้าจากเมืองปลาดิบ เพราะไม่พอใจที่รัฐบาลโตเกียวซื้อหมู่เกาะพิพาทเซ็งกากุ หรือที่จีนเรียกว่า เตี้ยวอี๋ว์ ไปเป็นของรัฐในปีที่แล้ว