สื่อนอกตีข่าว! ทหารในเครื่องแบบคุกคาม “เครือผู้จัดการ” เป็นเรื่องไม่เหมาะสม

เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - สื่อต่างประเทศรายงาน ปัญหากรณีพิพาทตามแนวชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา กรณีปราสาทพระวิหารและพื้นที่โดยรอบ กลายเป็นชนวนแห่งความขัดแย้งระหว่างกองทัพบกของไทยกับสื่อยักษ์ใหญ่ของประเทศอย่างเครือ “ASTV ผู้จัดการ” ถึงขั้นที่กำลังพลในกองทัพบกของไทยต้องแสดงออกซึ่งพฤติกรรมข่มขู่คุกคามการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนอย่างร้ายแรง

รายงานของสำนักข่าวข่าวซินหัวของจีน รวมถึงรายงานของโธมัส วิทเทิล แห่งเว็บไซต์ข่าว “นิวซีแลนด์ วีก” ของนิวซีแลนด์ระบุว่า ในวันศุกร์ (11) และวันเสาร์ (12) ที่ผ่านมา ได้เกิดการรวมตัวกันของคณะทหารสังกัดกองทัพบกของไทยราว 50 นายบริเวณด้านหน้าที่ทำการของหนังสือพิมพ์และสื่อในเครือ ASTV ผู้จัดการโดยคณะทหารกลุ่มดังกล่าวต่างแสดงความไม่พอใจต่อการทำหน้าที่ของสื่อชื่อดังของไทย ที่วิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก เกี่ยวกับกรณีพิพาทพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรโดยรอบปราสาทพระวิหาร โบราณสถานฮินดูเก่าแก่บริเวณพรมแดนไทย-กัมพูชา

โดยที่ผ่านมาทางฝ่ายผู้บัญชาการทหารบกของไทยมีจุดยืนชัดเจน ที่ต้องการให้ประเทศไทยเคารพคำตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ต่ออนาคตของพื้นที่พิพาทดังกล่าว ซึ่งสวนทางกับความเห็นของประชาชนชาวไทยจำนวนมาก

รายงานข่าวของสื่อต่างประเทศระบุว่า การแสดงออกของคณะทหารกลุ่มดังกล่าว ซึ่งแต่งกายในเครื่องแบบทหารเต็มยศ แต่อ้างว่าทำไปเพราะความคิดเห็นส่วนตัวนั้น ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมเป็นวงกว้างในสังคมไทย เนื่องจากเป็นการแสดงถึงพฤติกรรมที่มีจุดมุ่งหมายข่มขู่คุกคามเสรีภาพในการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนอย่างชัดแจ้งและเลวร้าย

เหตุการณ์คุกคามสื่ออย่างต่อเนื่อง 2 วันติดต่อกันของคณะทหารในเครื่องแบบดังกล่าวส่งผลให้ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย (ทีเจเอ) ต้องออกมาแสดงความกังวลในวันเสาร์ (12) ที่ผ่านมา พร้อมเรียกร้องให้กองทัพยุติพฤติกรรมคุกคามในทุกช่องทางต่อสื่อมวลชน โดยระบุต้องเคารพในเสรีภาพในการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนเพื่อให้สาธารณชนได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารและข้อเท็จจริงต่างๆ อย่างตรงไปตรงมา

ขณะที่ล่าสุดสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานโดยระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ออกคำสั่งห้ามกำลังพลในสังกัดออกมาเคลื่อนไหวในลักษณะดังกล่าวอีก โดยระบุไม่ต้องการสร้างความขัดแย้งเพิ่มเติม แต่ยังคงยืนกรานว่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นไม่ถือเป็นการแทรกแซงการทำงานของสื่อมวลชน