เอเอฟพี - ญี่ปุ่นวางแผนเพิ่มงบประมาณพิเศษ 180,500 ล้านเยน (ประมาณ 2,100 ล้านดอลลาร์) เพื่อจัดซื้ออาวุธทันสมัยจำพวกขีปนาวุธ เครื่องบินขับไล่ และเฮลิคอปเตอร์ มาเสริมสมรรถนะในการป้องกันประเทศ ขณะที่มีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับการแผ่ขยายอิทธิพลของจีน
งบประมาณพิเศษนี้ซึ่งจะมีการอัดฉีดเข้ามาในระยะเวลา 2-3 เดือนข้างหน้า จะเป็นการเพิ่มเติมจากงบประมาณกลาโหมปกติสำหรับปีงบประมาณ 2012 (เม.ย.2012 - มี.ค.2013) อีกทั้งเป็นเรื่องแยกต่างหากจากการที่พวกผู้วางนโยบายของรัฐบาลออกมาเรียกร้องในวันอังคาร (8) ให้เพิ่มค่าใช้จ่ายทางการทหารในปีงบประมาณหน้า (เม.ย.2013 - มี.ค.2014)
โฆษกผู้หนึ่งของกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นเปิดเผยเมื่อวันพุธ (9) ว่า กระทรวงจะขอให้จัดสรรเงินเป็นจำนวน 180,500 ล้านเยนจากแพกเกจมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งรัฐบาลใหม่ที่มีพรรคลิเบอรัล เดโมเครติก ปาร์ตี้ (แอลดีพี) เป็นแกนนำ กำลังจัดทำกันอยู่ โดยเงินจำนวนนี้ส่วนหนึ่งจะนำไปใช้ในการจัดซื้อระบบต่อต้านขีปนาวุธจากพื้นดินสู่อวกาศแบบ PAC-3 และเครื่องบินขับไล่ F-15 แบบที่ได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัยเพิ่มขึ้นแล้วเป็นจำนวน 4 ลำ
ตามกระบวนการแล้ว คำขอของกระทรวงกลาโหมนี้ต้องได้รับการอนุมัติจากกระทรวงคลังเสียก่อน จึงจะได้รับการบรรจุรวมเอาไว้ในแพกเกจมาตรการกระตุ้นซึ่งรัฐบาลเตรียมประกาศกันในปลายเดือนนี้ โดยที่มีรายงานว่า แพกเกจนี้จะมีมูลค่า 13.1 ล้านล้านเยนและกำหนดให้ใช้จ่ายสำหรับสำหรับปีงบประมาณปัจจุบัน ซึ่งจะสิ้นสุดลงในเดือนมีนาคมปีนี้
แพกเกจมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวจะถือเป็นส่วนหนึ่งของงบประมาณเพิ่มเติมที่รัฐบาลกำลังจัดเตรียมสำหรับปีงบประมาณปัจจุบัน ทั้งนี้ คาดหมายกันว่านอกเหนือจากในส่วน 180,500 ล้านเยน ของแพกเกจมาตรการกระตุ้นแล้ว ในงบประมาณเพิ่มเติมนี้ก็จะมีการจัดสรรเพิ่มให้กระทรวงกลาโหมอีกราว 30,000 ล้านเยนด้วย
การเปิดเผยข่าวในวันพุธดังกล่าวนี้ มีขึ้น 1 วันหลังจากที่พรรคแอลดีพี ของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ประกาศว่า ญี่ปุ่นจะเพิ่มการงบรายจ่ายทางการทหารในปีงบประมาณหน้า ซึ่งถือเป็นการเพิ่มครั้งแรกในรอบ 11 ปี
ปัจจุบัน การที่ญี่ปุ่นเกิดการเผชิญหน้ากับจีนกำลังกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว นับแต่ที่โตเกียวตัดสินใจซื้อหมู่เกาะในทะเลจีนใต้ที่เป็นกรณีพิพาทด้านอธิปไตยอยู่กับจีนจากเอกชนชาวญี่ปุ่นผู้ถือกรรมสิทธิ์เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว โดยที่ปักกิ่งได้แสดงปฏิกิริยาตอบโต้ต่อความเคลื่อนไหวคราวนี้ด้วยความขุ่นเคืองยิ่ง รวมทั้งประชาชนตามเมืองต่างๆ ทั่วแดนมังกรได้จัดการชุมนุมเดินขบวนต่อต้านญี่ปุ่น ซึ่งในบางจุดได้บานปลายกลายเป็นเหตุรุนแรง ทั้งนี้ผู้สังเกตการณ์บางคนเชื่อว่า การประท้วงเช่นนี้จะเกิดขึ้นมาได้อย่างน้อยที่สุดก็ต้องได้รับการหนุนหลังในทางเทคนิคจากทางการจีน
นับจากนั้น แดนมังกรยังได้ส่งเรือของทางการ แม้จะไม่ถึงระดับเป็นเรือรบ เข้าสู่บริเวณน่านน้ำใกล้หมู่เกาะพิพาทนี้ซึ่งญี่ปุ่นเรียกขานว่าเซงกากุและจีนใช้ชื่อว่าเตี้ยวอี๋ว์ เป็นระยะๆ เรื่อยมารวมหลายสิบครั้งแล้ว โดยครั้งล่าสุดคือเมื่อวันจันทร์ (7) ซึ่งทำให้กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นตัดสินใจเรียกเอกอัครราชทูตจีนเข้าพบเพื่อประท้วง นอกจากนั้นในปีที่แล้ว ปักกิ่งยังเคยส่งเครื่องบินรุกล้ำน่านฟ้าแดนอาทิตย์อุทัยเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
โฆษกกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นแจกแจงว่า จากงบประมาณพิเศษ 180,500 ล้านเยน กระทรวงมีแผนใช้ราว 60,500 ล้านเยนเพื่อเตรียมการรับมือกับภาวะแวดล้อมด้านความมั่นคงรอบๆ ญี่ปุ่นซึ่งกำลังเกิดความเปลี่ยนแปลง ส่วนที่เหลือคาดว่าจะนำไปใช้ในการปรับปรุงยกระดับอาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีอยู่เดิมให้ทันสมัยยิ่งขึ้น เพื่อรับมือสถานการณ์ที่ตึงเครียดขึ้นจากการที่เกาหลีเหนือเพิ่งทดสอบยิงจรวดสองครั้งในปีที่ผ่านมา ตลอดจนถึงความสัมพันธ์ที่ปีนเกลียวกับจีน
เขาระบุว่า กระทรวงกลาโหมต้องการซื้อเฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวน SH-60K 3 ลำ และเพิ่มระบบขีปนาวุธพิสัยกลางอีก 1 ชุด
ทางด้าน ซังเกอิ ชิมบุงหนังสือพิมพ์แนวอนุรักษนิยม รายงานเมื่อวันพุธว่า จีนได้ส่งเครื่องบินทหารเฉียดใกล้พรมแดนญี่ปุ่นบ่อยครั้งขึ้นนับจากที่รัฐบาลญี่ปุ่นซื้อหมู่เกาะเซงกากุ และกองทัพอากาศญี่ปุ่นได้ส่งเครื่องบินขึ้นไปสกัดหลายครั้งหลายหนในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ล่าสุดคือเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะนี้ทางกระทรวงได้เริ่มศึกษาความเป็นไปได้ในการยิงเตือน ซึ่งในประเด็นหลังนั้น โฆษกกระทรวงกลาโหมตั้งข้อสังเกตว่า มีน้อยครั้งมากที่กองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นยิงเตือนกองกำลังต่างชาติ