เอเอฟพี - ไทยสูญเสียสถานะผู้ส่งออกข้าวหมายเลข 1 ของโลกแล้วในปี 2012 ขณะที่โครงการรับจำนำข้าวเพื่อส่งเสริมรายได้ของชาวนาอันเป็นที่ถกเถียง คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้ไทยถูกอินเดียและเวียดนามแซงหน้าไปเรียบร้อยแล้ว กลุ่มอุตสาหกรรมเปิดเผยกับสื่อมวลชนต่างประเทศเมื่อวันศุกร์(4)
สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยเผยกับเอเอฟพีว่าเมื่อปีที่ผ่านมา ยอดส่งออกข้าวของไทยอยู่ที่ 6.9 ล้านตัน หล่นเป็นอันดับ 3 ตามหลัง อินเดียกับเวียดนาม ที่ส่งออกทั้งหมด 9.5 และ 7.8 ล้านตันตามลำดับ ทั้งนี้จากข้อมูลยังพบว่ายอดส่งออกข้าวของไทยลดลงจากปี 2011 ที่เคยส่งออกได้ถึง 10.6 ล้านตัน ถึงร้อยละ 35
"เราเคยเป็นหมายเลข 1 มาตลอด 31 ปี ตั้งแต่ปี 1980 แต่เราสูญเสียบัลลังก์ในปี 2012" ชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยบอกกับเอเอฟพี พร้อมชี้ว่าตัวเลขการส่งออกข้าวของคู่แข่งเป็นฐานข้อมูลที่ได้มาจากอุตสาหกรรมค้าข้าวของเวียดนามและกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ
นโนบายของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตรคือการเข้าซื้อข้าวจากชาวนานสูงกว่าราคาตลาดกว่าร้อยละ 50 โดยขณะที่โครงการนี้เป็นที่ชื่นชอบของชาวนา ทว่าอีกด้านหนึ่งก็ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออกข้าวไทย
"ตอนนี้ข้าวไทยมีราคาสูงกว่าคู่แข่งราวๆ 130-150 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน นั่นคือเหตุผลว่าทำไมยอดส่งออกถึงดิ่งลง ก็เพราะไม่มีลูกค้ามาซื้อข้าวจากเรา" นายชูเกียรติ บอก "บางทีผู้ส่งออกอาจต้องเปลี่ยนอาชีพ เพราะพวกเขาคงอยู่รอดลำบาก ตอนนี้ข้าวกลายเป็นประเด็นทางการเมืองไปแล้ว"
นายชูเกียรติคาดหมายว่าตอนนี้ไทยมีสต๊อกข้าวในโกดังราวๆ 12-13 ตัน พร้อมคาดคะเนต่อว่าในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2013 สต๊อกข้าวกองเท่าภูเขานี้จะมีมากกว่า 20 ล้านตันเลยทีเดียว
โครงการนี้ทำให้ฐานะทางการเงินของรัฐบาลตึงเครียด แต่มันก็เป็นที่ชื่นชอบของชาวนา ซึ่งแรงสนับสนุนของพวกเขาก็ช่วยให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลายเมื่อปีที่แล้ว
รัฐบาลแสดงความเชื่อมั่นว่าจะสามารถหาผู้ซื้อข้าวในตลาดโลก ณ ราคาที่จะส่งเสริมชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกร พร้อมอ้างว่าได้ลงนามในข้อตกลงขายข้าวแก่ชาติอื่นๆหลายประเทศแล้ว