“พาณิชย์” ยืนยันโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลไม่ผิดกฎ WTO เหตุมุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวนาไทยและสนับสนุนให้มีการรักษาอาชีพชาวนาเอาไว้เพื่อสร้างความมั่นคงด้านอาหารของโลกในระยะยาว ไม่ได้ก่อให้เกิดการบิดเบือนด้านการส่งออกข้าวในตลาดโลกแต่อย่างใด
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในกรณีสหพันธ์ชาวนาสหรัฐฯ ได้มีจดหมายถึงผู้แทนการค้าสหรัฐฯ แสดงความกังวลเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลไทยและผลจากนโยบายดังกล่าวที่อาจทำให้ไทยมีการผลิตข้าวมากขึ้น ซึ่งท้ายที่สุดรัฐบาลไทยก็จะตัดสินใจปล่อยข้าวที่รับจำนำไว้ทำให้มีการส่งออกมากขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ผลิตข้าวในสหรัฐฯ นั้น ขอชี้แจงว่านโยบายรับจำนำข้าวมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรไทยให้มีรายได้ที่เหมาะสมและมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งผลจากการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวอาจมีผลให้ปริมาณผลผลิตข้าวไทยเพิ่มขึ้นในปริมาณที่ไม่มากนัก เนื่องจากไทยมีข้อจำกัดด้านพื้นที่การเพาะปลูกและระบบชลประทาน ดังนั้นผลผลิตข้าวจึงไม่ได้เพิ่มสูงมากเกินไป
ในความเป็นจริงปริมาณผลผลิตข้าวที่เพิ่มขึ้นน่าจะเป็นผลดี เพราะสอดคล้องกับความต้องการบริโภคข้าวโลกที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปีตามจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงกล่าวได้ว่าโครงการรับจำนำข้าวเป็นการช่วยสร้างความมั่นคงด้านอาหารของโลกในระยะยาว โดยเฉพาะข้าวที่เป็นอาหารหลักที่หล่อเลี้ยงประชากรกว่าครึ่งโลก
ส่วนกรณีที่สหรัฐฯ เกรงว่าไทยจะระบายสต๊อกข้าวในราคาถูกเพื่อมาส่งออกนั้นไม่เป็นความจริง เนื่องจากการจำหน่ายข้าวในสต๊อกของรัฐบาลให้แก่ผู้ประกอบการในประเทศได้ขายในราคาที่สูงไม่ได้ขายในราคาต่ำ ซึ่งคิดเป็นราคาส่งออกประมาณ 540-560 เหรียญสหรัฐต่อตัน โดยจะเห็นได้ว่าเป็นราคาที่สูงกว่าข้าวของเวียดนามและอินเดียถึงกว่า 100 เหรียญสหรัฐต่อตัน ซึ่งประเทศผู้ส่งออกข้าวรายอื่นไม่ได้รับผลกระทบใดๆ แต่กลับได้รับประโยชน์มากกว่าจากข้าวไทยที่มีราคาสูงขึ้น
ในขณะที่เมื่อเทียบราคาส่งออกของข้าวขาวไทยกับข้าวของสหรัฐฯ ในระดับเดียวกัน จะเห็นได้ชัดเจนว่าปัจจุบันข้าวไทยมีราคาใกล้เคียงกับข้าวสหรัฐฯ มากกว่าในอดีตที่ข้าวไทยเคยมีราคาต่ำกว่าข้าวสหรัฐฯ มาก ดังนั้น สหรัฐฯ จึงไม่ได้สูญเสียความสามารถในการแข่งขันกับข้าวไทยในตลาดโลก แต่กลับสามารถแข่งขันได้มากขึ้นเพราะข้าวไทยมีราคาสูงขึ้น
นายบุญทรงกล่าวอีกว่า ไทยมีข้อผูกพันตามข้อตกลง WTO สำหรับการให้การอุดหนุนสินค้าเกษตรที่วงเงิน 1.9 หมื่นล้านบาทต่อปี ซึ่งไทยยึดถือและปฏิบัติตามกฎของ WTO มาโดยตลอดอยู่แล้ว และเมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงถือว่าปริมาณการอุดหนุนของไทยยังต่ำมากเมื่อเทียบกับการอุดหนุนสินค้าเกษตรของสหรัฐฯ ทั้งระบบที่วงเงิน 19,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี หรือคิดเป็นเงินไทย 2.7 แสนล้านบาท โดยสหรัฐฯ ให้การอุดหนุนแก่เกษตรกรภายในทั้งทางตรงและโดยอ้อม ซึ่งน่าจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อเกษตรกรและการส่งออกข้าวของไทยมากกว่า
ทั้งนี้ ราคาส่งออกเฉลี่ยของข้าวไทยปัจจุบันอยู่ที่ 679 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.27 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่ 579 เหรียญสหรัฐต่อตัน จึงเห็นได้ว่าโครงการรับจำนำข้าวไม่ได้สร้างผลกระทบต่อการส่งออกของประเทศผู้ส่งออกรายอื่นๆ
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในกรณีสหพันธ์ชาวนาสหรัฐฯ ได้มีจดหมายถึงผู้แทนการค้าสหรัฐฯ แสดงความกังวลเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลไทยและผลจากนโยบายดังกล่าวที่อาจทำให้ไทยมีการผลิตข้าวมากขึ้น ซึ่งท้ายที่สุดรัฐบาลไทยก็จะตัดสินใจปล่อยข้าวที่รับจำนำไว้ทำให้มีการส่งออกมากขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ผลิตข้าวในสหรัฐฯ นั้น ขอชี้แจงว่านโยบายรับจำนำข้าวมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรไทยให้มีรายได้ที่เหมาะสมและมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งผลจากการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวอาจมีผลให้ปริมาณผลผลิตข้าวไทยเพิ่มขึ้นในปริมาณที่ไม่มากนัก เนื่องจากไทยมีข้อจำกัดด้านพื้นที่การเพาะปลูกและระบบชลประทาน ดังนั้นผลผลิตข้าวจึงไม่ได้เพิ่มสูงมากเกินไป
ในความเป็นจริงปริมาณผลผลิตข้าวที่เพิ่มขึ้นน่าจะเป็นผลดี เพราะสอดคล้องกับความต้องการบริโภคข้าวโลกที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปีตามจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงกล่าวได้ว่าโครงการรับจำนำข้าวเป็นการช่วยสร้างความมั่นคงด้านอาหารของโลกในระยะยาว โดยเฉพาะข้าวที่เป็นอาหารหลักที่หล่อเลี้ยงประชากรกว่าครึ่งโลก
ส่วนกรณีที่สหรัฐฯ เกรงว่าไทยจะระบายสต๊อกข้าวในราคาถูกเพื่อมาส่งออกนั้นไม่เป็นความจริง เนื่องจากการจำหน่ายข้าวในสต๊อกของรัฐบาลให้แก่ผู้ประกอบการในประเทศได้ขายในราคาที่สูงไม่ได้ขายในราคาต่ำ ซึ่งคิดเป็นราคาส่งออกประมาณ 540-560 เหรียญสหรัฐต่อตัน โดยจะเห็นได้ว่าเป็นราคาที่สูงกว่าข้าวของเวียดนามและอินเดียถึงกว่า 100 เหรียญสหรัฐต่อตัน ซึ่งประเทศผู้ส่งออกข้าวรายอื่นไม่ได้รับผลกระทบใดๆ แต่กลับได้รับประโยชน์มากกว่าจากข้าวไทยที่มีราคาสูงขึ้น
ในขณะที่เมื่อเทียบราคาส่งออกของข้าวขาวไทยกับข้าวของสหรัฐฯ ในระดับเดียวกัน จะเห็นได้ชัดเจนว่าปัจจุบันข้าวไทยมีราคาใกล้เคียงกับข้าวสหรัฐฯ มากกว่าในอดีตที่ข้าวไทยเคยมีราคาต่ำกว่าข้าวสหรัฐฯ มาก ดังนั้น สหรัฐฯ จึงไม่ได้สูญเสียความสามารถในการแข่งขันกับข้าวไทยในตลาดโลก แต่กลับสามารถแข่งขันได้มากขึ้นเพราะข้าวไทยมีราคาสูงขึ้น
นายบุญทรงกล่าวอีกว่า ไทยมีข้อผูกพันตามข้อตกลง WTO สำหรับการให้การอุดหนุนสินค้าเกษตรที่วงเงิน 1.9 หมื่นล้านบาทต่อปี ซึ่งไทยยึดถือและปฏิบัติตามกฎของ WTO มาโดยตลอดอยู่แล้ว และเมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงถือว่าปริมาณการอุดหนุนของไทยยังต่ำมากเมื่อเทียบกับการอุดหนุนสินค้าเกษตรของสหรัฐฯ ทั้งระบบที่วงเงิน 19,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี หรือคิดเป็นเงินไทย 2.7 แสนล้านบาท โดยสหรัฐฯ ให้การอุดหนุนแก่เกษตรกรภายในทั้งทางตรงและโดยอ้อม ซึ่งน่าจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อเกษตรกรและการส่งออกข้าวของไทยมากกว่า
ทั้งนี้ ราคาส่งออกเฉลี่ยของข้าวไทยปัจจุบันอยู่ที่ 679 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.27 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่ 579 เหรียญสหรัฐต่อตัน จึงเห็นได้ว่าโครงการรับจำนำข้าวไม่ได้สร้างผลกระทบต่อการส่งออกของประเทศผู้ส่งออกรายอื่นๆ
