เอเอฟพี - ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ มีอาการหน้ามืดและปวดศีรษะอย่างรุนแรง (concussion) หลังติดเชื้อไวรัสในช่องท้อง ทำให้กำหนดการแถลงผลสอบสวนครั้งสำคัญกรณีกลุ่มติดอาวุธบุกทำลายสถานกงสุลสหรัฐฯในเมืองเบงกาซี ของลิเบียที่จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ ต้องเลื่อนออกไปก่อน เจ้าหน้าที่สหรัฐฯแถลง วานนี้ (15)
ข่าวการล้มป่วยของ คลินตัน วัย 65 ปี ถูกเปิดเผย ในขณะที่เธอมีกำหนดแถลงผลการสอบสวนเหตุโจมตีสถานกงสุลเมืองเบงกาซี ในวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ (20)
ฟิลิป ไรน์ส ผู้ช่วยคนสนิทของ คลินตัน เปิดเผยว่า รัฐมนตรีต่างประเทศหญิงผู้เดินทางไปเยือนมาแล้ว 112 ประเทศทั่วโลก “มีอาการดีขึ้นบ้างแล้ว” แต่ยังต้องพักงานตลอดสัปดาห์หน้า
“นอกจากติดเชื้อไวรัสในช่องท้อง รัฐมนตรีคลินตัน ยังมีอาการขาดน้ำ, หน้ามืด และปวดศีรษะรุนแรง” ไรน์ส ระบุในถ้อยแถลง โดยไม่ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
แพทย์ผู้รักษา คลินตัน ระบุว่า เธอมีอาการ “ขาดน้ำอย่างรุนแรงจนหมดสติ เราได้ประเมินอาการตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา และสรุปได้ว่าสมองของเธอได้รับการกระทบกระเทือน”
พญ.ลิซา บาร์แด็ค จากสถาบันการแพทย์ เมาท์ คิสโก เมดิคัล กรุ๊ป และ พญ.จีจี เอล-บายูมี จากมหาวิทยาลัยจอร์จวอชิงตัน แนะนำให้ คลินตัน “พักฟื้นต่ออีกระยะ หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องออกแรง และขอให้งดภารกิจทุกอย่างตลอดสัปดาห์หน้า”
อีเลียนา รอส-เลห์ทิเน็น ประธานคณะกรรมการกิจการต่างประเทศแห่งสภาผู้แทนราษฎร อวยพรให้ คลินตัน หายจากอาการป่วยโดยเร็ว
“อย่างไรก็ตาม ถือเป็นเรื่องน่าเสียดายที่รัฐมนตรีคลินตันไม่สามารถเผยผลการสอบสวนเหตุการณ์กลุ่มก่อการร้ายบุกโจมตีสถานกงสุลในลิเบีย ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่อเมริกันเสียชีวิตไป 4 คน และยังมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง ในสัปดาห์หน้าได้”
เลห์ทิเน็น ชี้ว่า สมาชิกรัฐสภายังมีข้อกังขามากมายเกี่ยวกับวิธีประเมินความเสี่ยงของกระทรวงการต่างประเทศ และกระบวนการตัดสินใจที่เมืองเบงกาซี ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีต่างประเทศที่ต้องออกมาชี้แจงเอง
คลินตัน มีอาการติดเชื้อไวรัสในช่องท้องหลังกลับจากเยือนยุโรป 5 วัน ส่งผลให้ต้องยกเลิกแผนเดินทางเยือนแอฟริกาเหนือ และพักงานยาวตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ คลินตัน จะต้องตอบคำถามทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา เกี่ยวกับผลการสอบสวนเหตุการณ์ที่เมืองเบงกาซี ซึ่งทำให้เอกอัครราชทูต คริส สตีเวนส์ และเจ้าหน้าที่อเมริกันอีก 3 รายต้องจบชีวิตลง
แพทริก เวนเทรลล์ รักษาการรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันว่า รายงานผลการสอบสวนจะเสร็จเรียบร้อยภายในต้นสัปดาห์นี้