เอเอฟพี - ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นวานนี้(14)จากดอลลาร์ที่อ่อนค่าและข้อมูลการผลิตในจีน ผิดกับวอลล์สตรีทที่ขยับลง หลังนักลงทุนยังกังวลต่อวิกฤตหน้าผาการคลัง ขณะที่ปัจจัยนี้เองก็ฉุดให้ทองคำทรงตัว
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 84 เซนต์ ปิดที่ 86.73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 1.24 ดอลลาร์ ปิดที่ 109.15 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบวานนี้(14) ได้แรงหนุนจากตัวเลขกิจกรรมการผลิตที่ดีเกินความคาดหมายในจีน ที่จะหนุนนำมาสู่อุปสงค์ทางพลังงานที่แข็งแกร่งภายในชาติผู้บริโภครายใหญ่แห่งนี้
เอชเอสบีซี โฮลดิงส์เผย ดัชนีการจัดซื้อ(PMI) ของกิจกรรมการผลิตของจีนในเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้นแตะ 50.9 จุด ดีกว่าที่คาดหมายไว้ 0.1 จุด โดยตัวเลขที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมภาคการผลิตมีการขยายตัวจากเดือนก่อนหน้า
นับเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันแล้วที่มีการขยายตัวด้านดัชนีการจัดซื้อกิจกรรมการผลิตของปักกิ่ง หลังจากหดตัวมา 1 ปี ส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่แห่งนี้กำลังฟื้นตัวจากภาวะถดถอย
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(14) ปิดลบเล็กน้อย ท่ามกลางความกังวลต่อข้อขัดแย้งเรื่องการตัดลดงบประมาณของวอชิงตัน ขณะเดียวกันดัชนีแนสแดค ยังถูกฉุดด้วยแรงขายหุ้นแอปเปิล
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 34.25 จุด (0.26 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 13,136.47 จุด แนสแดค ลดลง 20.83 จุด (0.70 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,971.33 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 5.71 จุด (0.40 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,413.74 จุด
นักลงทุนยังมีความวิตกถึงความเป็นไปได้ของการขึ้นภาษีและตัดลดงบประมาณโดยอัตโนมัติในเดือนมกราคม หากว่าพรรคเดโมแครต ของประธานาธิบดีบารัค โอบามาและรีพับลิกัน ล้มเหลวในการเจรจาประนีประนอมเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลัง ซึ่งเหล่านักวิเคราะก์บอกว่ามันรังจะฉุดให้เศรษฐกิจอเมริกากลับสู่ภาวะถดถอย
ปัจจัยนี้เองกลบกระแสความคึกคักต่อกรณีธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ เป็นผลให้ราคาทองคำวานนี้(14) ปิดบวกในกรอบแคบๆเท่านั้น โดยราคาทองคำตลาดโคเมกซ์ของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 20 เซนต์ ปิดที่ 1,697.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์