เอเอฟพี - สหภาพยุโรป ซึ่งเผชิญวิกฤตครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 60 ปี ขึ้นรับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปี 2012 อย่างเป็นทางการ วันนี้ (10) ในฐานะผู้เปลี่ยนยุโรปจากทวีปแห่งสงครามเป็นทวีปแห่งความสงบสันติ
ธอร์บียอร์น ยักลันด์ ประธานคณะกรรมการโนเบลแห่งนอร์เวย์ได้มอบรางวัลอันทรงเกียรตินี้ให้แก่ผู้นำอียูทั้ง 3 คน ได้แก่ เฮอร์มาน ฟาน รอมปุย ประธานอียู, โฮเซ มานูเอล บาร์รอสโซ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป และมาร์ติน ชูลซ์ ประธานรัฐสภายุโรป โดยมีเหล่าผู้นำประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปเป็นสักขีพยาน
ยักลันด์กล่าวเพื่อระลึกถึงเหยื่อสงคราม และความรุนแรงกว่า 80 ล้านคนในยุโรปเมื่อศตวรรษที่แล้วว่า "สันติภาพต้องไม่ได้ถูกสมมติขึ้น แต่เราต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่อให้ได้มาในทุกๆ วัน เมื่ออยู่ร่วมกัน เราต้องมั่นใจว่าเราจะไม่สูญเสียสิ่งที่เราสร้างขึ้นมา"
ขณะที่คณะกรรมการพิจารณารางวัลโนเบลของเขาถูกวิพากษ์วิจารณ์ที่มอบรางวัลอันทรงคุณค่านี้ให้กับอียู ในเวลาที่สถาบันดังกล่าวกำลังแตกแยก และเผชิญกับกระแสการประท้วงต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดอย่างรุนแรงไปทั่ว
"พวกเราไม่ได้มารวมตัวกันวันนี้ด้วยความเชื่อที่ว่าอียูสมบูรณ์แบบ" ยักลันด์กล่าว และว่า "ยุโรปจำเป็นต้องเคลื่อนไปข้างหน้า คุ้มครองสิ่งที่ได้รับมา และพัฒนาสิ่งที่ถูกสร้างขึ้น ช่วยให้เราแก้ปัญหาที่คุกคามประชาคมยุโรปอยู่ทุกวันนี้"
อียู ซึ่งเริ่มก่อตั้งจาก 2 ประเทศศัตรูคู่แค้นอย่างฝรั่งเศส และเยอรมนี หลัง 3 สงครามอันนองเลือดยุติลง ได้ขยับขยายจาก 6 ประเทศสมาชิก และจะเพิ่มเป็น 28 ประเทศในเดือนกรกฎาคมปีหน้า เมื่อโครเอเชียเข้าร่วม
ประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์ของฝรั่งเศส และอังเกลา แมร์เคิล ผู้นำเยอรมนี ได้ลุกขึ้นยืนรับเสียงปรบมือจากผู้ทรงเกียรติหลายสิบคน ที่มารวมตัวกัน ณ ศาลากลางกรุงออสโลว์ ขณะที่เหรียญรางวัล ใบประกาศ และเงินรางวัลเกือบ 1 ล้านยูโรถูกส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงขององค์กร
อย่างไรก็ตาม ผู้นำอีกหลายประเทศในยุโรป รวมถึงนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอนของอังกฤษก็ไม่ได้เข้าร่วมงานมอบรางวัลนี้ ซึ่งจัดขึ้นเพียง 4 วันก่อนการประชุมสุดยอดอียูครั้งสำคัญ เพื่อกำหนดก้าวเดินต่อไปข้างหน้าอย่างมั่นคงเพื่อสร้างสหภาพที่แข็งแกร่งขึ้น