ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - นับเป็นข่าวน่ายินดีอย่างยิ่งเมื่อสำนักพระราชวังเซนต์ เจมส์ ออกมาแถลงยืนยันว่า เจ้าหญิงแคเธอรีน พระชายาในเจ้าชายวิลเลียมแห่งอังกฤษ กำลังทรงตั้งพระครรภ์ ซึ่งถือเป็นทายาทพระองค์แรกของดยุคและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ หลังจากทรงเข้าพิธีเสกสมรสอย่างยิ่งใหญ่เมื่อวันที่ 29 เมษายน ปี 2011 ที่ผ่านมา ท่ามกลางความปลื้มปีติของเหล่าพระบรมวงศานุวงศ์ พสกนิกรชาวอังกฤษ และประเทศในเครือจักรภพ รวมไปถึงผู้ที่ชื่นชมและเคารพรักเจ้าชายและเจ้าหญิงทั้งสองพระองค์จากทั่วทุกมุมโลก
ทันทีที่สำนักพระราชวังของเจ้าชายวิลเลียมออกมาประกาศข่าวดีดังกล่าวในวันจันทร์ (3) บรรดาสื่อต่างๆ ก็กระหน่ำรายงานข่าวกันด้วยความตื่นเต้น โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์แท็ปลอยด์ของอังกฤษ ที่เพิ่มสีสันให้กับข่าวการตั้งพระครรภ์ครั้งนี้กันอย่างเพลิดเพลิน ไม่ว่าจะเป็นเดอะซัน หนังสือพิมพ์ขายดีที่สุดบนเกาะอังกฤษ ที่นอกจากร่วมฉลองข่าวดีแล้ว ยังเผยภาพกราฟฟิกพระพักตร์ของว่าที่ทายาทองค์ใหม่แห่งราชวงศ์วินด์เซอร์ ที่เพิ่งจะอยู่ในพระครรภ์ ส่วนเดลิเมล์ ซึ่งค่อนข้างหลงใหลในข่าวเกี่ยวกับราชสำนัก ก็อุทิศ 13 หน้าหนังสือพิมพ์รายงานเรื่องราวของดยุคและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ และทายาทของทั้งสองพระองค์ ยังไม่รวมถึงหนังสือพิมพ์ และหนังสือพิมพ์ออนไลน์สำนักอื่นๆ
ไม่เพียงแต่สื่ออังกฤษเท่านั้นที่ดูจะกระตือรือร้นแข่งกันรายงานข่าวการตั้งพระครรภ์ แต่สื่อใหญ่ของสหรัฐฯ อย่างยูเอสเอทูเดย์ วอลล์สตรีทเจอร์นัล และวอชิงตันโพสต์ ต่างก็ยกข่าวดีของราชสำนักอังกฤษขึ้นหน้าหนึ่ง กลบกระแสข่าวสำคัญภายในประเทศอย่างประเด็นวิกฤตหน้าผาทางการคลังของวอชิงตันจนแทบจะตกขอบ ตลอดจนเว็บไซต์ดังอย่าง พีเพิลแมกกาซีน เดลิบีสต์ และฮัฟฟิงตันโพสต์ ก็ให้พื้นที่รายงานข่าวนี้อย่างมากโข ส่วนเว็บนิวยอร์กไทมส์ ข่าวดังกล่าวมีผู้คลิกเข้าชมมากที่สุดตลอดทั้งวันอังคาร (4) เลยทีเดียว แสดงให้เห็นว่าชาวอเมริกันก็มีความลุ่มหลงเกี่ยวกับราชวงศ์อังกฤษอยู่ไม่น้อยเลย
ขณะที่โลกสังคมออนไลน์ก็คึกคักไม่แพ้กัน โดยในทวิตเตอร์ ชื่อของเจ้าชายวิลเลียม และพระชายาแคเธอรีน กลายเป็น “เทรนดิง ทอปิกส์” หรือประเด็นร้อนติดอันดับโลกอยู่นานข้ามวัน และที่น่าสะดุดตาคือแฮชแท็ก #royalbaby ก็ถูกทวีต และรีทวีตกันอย่างถล่มทลาย อีกทั้งยังมีบุคคลนิรนามสร้างแอคเคานท์ล้อเลียนว่าเป็นตัวอ่อนในพระครรภ์ในชื่อ @RoyalFoetus และ @RoyalFetus ซึ่งมีจำนวนฟอลโลเวอร์มากกว่า 7,000 คน และ 12,000 คนตามลำดับ ส่วนเว็บไซต์ทางการของดยุคและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ถึงกับล่มชั่วคราว เพราะนักท่องเน็ตแห่คลิกเข้าไปชมกันเป็นจำนวนมาก
ยิ่งไปกว่านั้น เจ้ามือรับแทงพนันหลายรายยังคาดการณ์ไปถึงพระนามของพระโอรส หรือพระธิดาในดยุคและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ด้วยว่าน่าจะตั้งตามพระนามของเครือพระญาติใกล้ชิด โดยชื่อที่มีแต้มต่อมากที่สุดคือ เอลิซาเบธ พระนามของสมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ ผู้ทรงเป็นพระอัยยิกาของเจ้าชายวิลเลียม รวมถึงชื่อ ไดอานา พระมารดาผู้ล่วงลับของพระองค์ หากทารกที่จะมีประสูติกาลเป็นหญิง ขณะที่ชื่อฟรานเซส จอห์น ชาร์ลส์ และเจมส์ เป็นทางเลือกตัวเก็งในกรณีที่เจ้าชายและพระชายาได้พระโอรส
ทั้งนี้ มีข่าวลือมานานหลายเดือนแล้วว่า ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ทรงพระครรภ์ จนกระทั่งได้รับการยืนยันเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ทางสำนักพระราชวังไม่ได้ระบุว่าทั้งสองพระองค์ทราบถึงการตั้งพระครรภ์ของเจ้าหญิงแคเธอรีนเมื่อใด โดยระบุเพียงว่า “เมื่อเร็วๆนี้” แต่สื่อของอังกฤษต่างระบุข้อสันนิษฐานเพิ่มเติม ซึ่งเชื่อว่าพระองค์น่าจะทรงพระครรภ์มายังไม่ถึง 12 สัปดาห์
สำนักพระราชวังเซนต์ เจมส์ยังเผยว่า เจ้าหญิงแคทเธอรีนทรงมีอาการแพ้ท้องอย่างรุนแรง หรือ Hyperemesis gravidarum ทำให้คณะแพทย์ต้องถวายของเหลวและวิตามินบำรุงเพื่อลดการอาเจียนและสูญเสียน้ำ และเนื่องด้วยยังทรงพระครรภ์อ่อน แพทย์จึงถวายคำแนะนำให้ประทับอยู่ที่โรงพยาบาลคิง เอ็ดเวิร์ด ที่ 7 ก่อน ซึ่งคาดว่าอาจใช้เวลาอีกหลายวัน โดยที่มีเจ้าชายวิลเลียม พระสวามีคอยดูแลอย่างใกล้ชิด และด้วยอาการประชวรแพ้ท้องอย่างรุนแรงนี้เอง ที่เป็นต้นตอของข่าวลือที่ว่าพระองค์อาจได้ลูกฝาแฝด เนื่องจากแพทย์ชี้ว่าอาการเช่นนี้มักเกิดขึ้นบ่อยครั้งในกรณีของการตั้งครรภ์แฝด ทว่ายังไม่มีการฟันธงแต่อย่างใด
สำหรับพระโอรส หรือพระธิดาที่จะประสูติในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านั้นจะทรงได้รับตำแหน่งเป็นรัชทายาทลำดับที่ 3 ของราชวงศ์อังกฤษแทนเจ้าชายแฮร์รี โดยเป็นลำดับรองจากเจ้าฟ้าชายชาร์ลส และเจ้าชายวิลเลียม ซึ่งหมายถึงพระองค์มีโอกาสก้าวขึ้นครองราชย์ในอนาคตไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย ภายหลังจากผู้นำ 16 ประเทศในเครือจักรภพอังกฤษลงมติแก้ไขกฎมณเฑียรบาลเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2011 ที่อนุญาตให้พระราชธิดาของกษัตริย์ในอนาคตมีสิทธิสืบราชสมบัติได้เช่นเดียวกับพระราชโอรส และความเห็นชอบสุดท้ายของเครือจักรภพฯ ก็ส่งถึงลอนดอนในเวลาเดียวกับที่มีการประกาศว่าพระชายาแคเธอรีนทรงตั้งพระครรภ์พอดี
ข่าวที่น่ายินดีเช่นนี้คงช่วยลบล้างความอับอายของราชสำนักอังกฤษ เมื่อครั้งที่นิตยสารโคลสเซอร์ของฝรั่งเศสเผยแพร่ภาพถ่ายเปลือยท่อนบนของดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ซึ่งทรงอยู่ระหว่างเสด็จประทับพักผ่อนในแดนน้ำหอมกับพระสวามีได้อย่างหมดจดหมดสิ้น อีกทั้งยังจะช่วยส่งเสริมความนิยมต่อราชวงศ์ในหมู่ประชาชน ซึ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยมานับตั้งแต่การเสกสมรสระหว่างเจ้าชายวิลเลียม และเคท มิดเดิลตัน ในปี 2011 รวมถึงพระราชพิธีพัชราภิเษกสมโภช เนื่องในวโรกาสที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาอีกด้วย.
ทันทีที่สำนักพระราชวังของเจ้าชายวิลเลียมออกมาประกาศข่าวดีดังกล่าวในวันจันทร์ (3) บรรดาสื่อต่างๆ ก็กระหน่ำรายงานข่าวกันด้วยความตื่นเต้น โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์แท็ปลอยด์ของอังกฤษ ที่เพิ่มสีสันให้กับข่าวการตั้งพระครรภ์ครั้งนี้กันอย่างเพลิดเพลิน ไม่ว่าจะเป็นเดอะซัน หนังสือพิมพ์ขายดีที่สุดบนเกาะอังกฤษ ที่นอกจากร่วมฉลองข่าวดีแล้ว ยังเผยภาพกราฟฟิกพระพักตร์ของว่าที่ทายาทองค์ใหม่แห่งราชวงศ์วินด์เซอร์ ที่เพิ่งจะอยู่ในพระครรภ์ ส่วนเดลิเมล์ ซึ่งค่อนข้างหลงใหลในข่าวเกี่ยวกับราชสำนัก ก็อุทิศ 13 หน้าหนังสือพิมพ์รายงานเรื่องราวของดยุคและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ และทายาทของทั้งสองพระองค์ ยังไม่รวมถึงหนังสือพิมพ์ และหนังสือพิมพ์ออนไลน์สำนักอื่นๆ
ไม่เพียงแต่สื่ออังกฤษเท่านั้นที่ดูจะกระตือรือร้นแข่งกันรายงานข่าวการตั้งพระครรภ์ แต่สื่อใหญ่ของสหรัฐฯ อย่างยูเอสเอทูเดย์ วอลล์สตรีทเจอร์นัล และวอชิงตันโพสต์ ต่างก็ยกข่าวดีของราชสำนักอังกฤษขึ้นหน้าหนึ่ง กลบกระแสข่าวสำคัญภายในประเทศอย่างประเด็นวิกฤตหน้าผาทางการคลังของวอชิงตันจนแทบจะตกขอบ ตลอดจนเว็บไซต์ดังอย่าง พีเพิลแมกกาซีน เดลิบีสต์ และฮัฟฟิงตันโพสต์ ก็ให้พื้นที่รายงานข่าวนี้อย่างมากโข ส่วนเว็บนิวยอร์กไทมส์ ข่าวดังกล่าวมีผู้คลิกเข้าชมมากที่สุดตลอดทั้งวันอังคาร (4) เลยทีเดียว แสดงให้เห็นว่าชาวอเมริกันก็มีความลุ่มหลงเกี่ยวกับราชวงศ์อังกฤษอยู่ไม่น้อยเลย
ขณะที่โลกสังคมออนไลน์ก็คึกคักไม่แพ้กัน โดยในทวิตเตอร์ ชื่อของเจ้าชายวิลเลียม และพระชายาแคเธอรีน กลายเป็น “เทรนดิง ทอปิกส์” หรือประเด็นร้อนติดอันดับโลกอยู่นานข้ามวัน และที่น่าสะดุดตาคือแฮชแท็ก #royalbaby ก็ถูกทวีต และรีทวีตกันอย่างถล่มทลาย อีกทั้งยังมีบุคคลนิรนามสร้างแอคเคานท์ล้อเลียนว่าเป็นตัวอ่อนในพระครรภ์ในชื่อ @RoyalFoetus และ @RoyalFetus ซึ่งมีจำนวนฟอลโลเวอร์มากกว่า 7,000 คน และ 12,000 คนตามลำดับ ส่วนเว็บไซต์ทางการของดยุคและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ถึงกับล่มชั่วคราว เพราะนักท่องเน็ตแห่คลิกเข้าไปชมกันเป็นจำนวนมาก
ยิ่งไปกว่านั้น เจ้ามือรับแทงพนันหลายรายยังคาดการณ์ไปถึงพระนามของพระโอรส หรือพระธิดาในดยุคและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ด้วยว่าน่าจะตั้งตามพระนามของเครือพระญาติใกล้ชิด โดยชื่อที่มีแต้มต่อมากที่สุดคือ เอลิซาเบธ พระนามของสมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ ผู้ทรงเป็นพระอัยยิกาของเจ้าชายวิลเลียม รวมถึงชื่อ ไดอานา พระมารดาผู้ล่วงลับของพระองค์ หากทารกที่จะมีประสูติกาลเป็นหญิง ขณะที่ชื่อฟรานเซส จอห์น ชาร์ลส์ และเจมส์ เป็นทางเลือกตัวเก็งในกรณีที่เจ้าชายและพระชายาได้พระโอรส
ทั้งนี้ มีข่าวลือมานานหลายเดือนแล้วว่า ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ทรงพระครรภ์ จนกระทั่งได้รับการยืนยันเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ทางสำนักพระราชวังไม่ได้ระบุว่าทั้งสองพระองค์ทราบถึงการตั้งพระครรภ์ของเจ้าหญิงแคเธอรีนเมื่อใด โดยระบุเพียงว่า “เมื่อเร็วๆนี้” แต่สื่อของอังกฤษต่างระบุข้อสันนิษฐานเพิ่มเติม ซึ่งเชื่อว่าพระองค์น่าจะทรงพระครรภ์มายังไม่ถึง 12 สัปดาห์
สำนักพระราชวังเซนต์ เจมส์ยังเผยว่า เจ้าหญิงแคทเธอรีนทรงมีอาการแพ้ท้องอย่างรุนแรง หรือ Hyperemesis gravidarum ทำให้คณะแพทย์ต้องถวายของเหลวและวิตามินบำรุงเพื่อลดการอาเจียนและสูญเสียน้ำ และเนื่องด้วยยังทรงพระครรภ์อ่อน แพทย์จึงถวายคำแนะนำให้ประทับอยู่ที่โรงพยาบาลคิง เอ็ดเวิร์ด ที่ 7 ก่อน ซึ่งคาดว่าอาจใช้เวลาอีกหลายวัน โดยที่มีเจ้าชายวิลเลียม พระสวามีคอยดูแลอย่างใกล้ชิด และด้วยอาการประชวรแพ้ท้องอย่างรุนแรงนี้เอง ที่เป็นต้นตอของข่าวลือที่ว่าพระองค์อาจได้ลูกฝาแฝด เนื่องจากแพทย์ชี้ว่าอาการเช่นนี้มักเกิดขึ้นบ่อยครั้งในกรณีของการตั้งครรภ์แฝด ทว่ายังไม่มีการฟันธงแต่อย่างใด
สำหรับพระโอรส หรือพระธิดาที่จะประสูติในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านั้นจะทรงได้รับตำแหน่งเป็นรัชทายาทลำดับที่ 3 ของราชวงศ์อังกฤษแทนเจ้าชายแฮร์รี โดยเป็นลำดับรองจากเจ้าฟ้าชายชาร์ลส และเจ้าชายวิลเลียม ซึ่งหมายถึงพระองค์มีโอกาสก้าวขึ้นครองราชย์ในอนาคตไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย ภายหลังจากผู้นำ 16 ประเทศในเครือจักรภพอังกฤษลงมติแก้ไขกฎมณเฑียรบาลเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2011 ที่อนุญาตให้พระราชธิดาของกษัตริย์ในอนาคตมีสิทธิสืบราชสมบัติได้เช่นเดียวกับพระราชโอรส และความเห็นชอบสุดท้ายของเครือจักรภพฯ ก็ส่งถึงลอนดอนในเวลาเดียวกับที่มีการประกาศว่าพระชายาแคเธอรีนทรงตั้งพระครรภ์พอดี
ข่าวที่น่ายินดีเช่นนี้คงช่วยลบล้างความอับอายของราชสำนักอังกฤษ เมื่อครั้งที่นิตยสารโคลสเซอร์ของฝรั่งเศสเผยแพร่ภาพถ่ายเปลือยท่อนบนของดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ซึ่งทรงอยู่ระหว่างเสด็จประทับพักผ่อนในแดนน้ำหอมกับพระสวามีได้อย่างหมดจดหมดสิ้น อีกทั้งยังจะช่วยส่งเสริมความนิยมต่อราชวงศ์ในหมู่ประชาชน ซึ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยมานับตั้งแต่การเสกสมรสระหว่างเจ้าชายวิลเลียม และเคท มิดเดิลตัน ในปี 2011 รวมถึงพระราชพิธีพัชราภิเษกสมโภช เนื่องในวโรกาสที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาอีกด้วย.