เอเจนซีส์ - ไต้ฝุ่นบุปผา ซึ่งมีความเร็วลมที่ศูนย์กลางถึง 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พัดถล่มตอนใต้ของฟิลิปปินส์เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา(4) ทำให้เกิดฝนตกหนักและกระแสลมแรงจนต้นไม้ใหญ่หักโค่น ขณะที่ประชาชนกว่า 40,000 คนต้องละทิ้งบ้านเรือนไปอาศัยตามศูนย์พักพิงชั่วคราว
ประชากร 10 ล้านคนบนเกาะมินดาเนาได้สัมผัสกับอิทธิพลของไต้ฝุ่นบุปผาซึ่งพัดเข้าสู่ชายฝั่งตะวันออกตั้งแต่เช้ามืด ความรุนแรงของพายุได้ขุดรากถอนโคนต้นไม้ใหญ่ และพัดหลังคาบ้านเรือนจนเปิดเปิงไปหลายหลัง ขณะที่หลายเมืองต้องตกอยู่ในความมืดมิดเมื่อมีการตัดกระแสไฟฟ้าเพื่อป้องกันความเสี่ยง
ประชาชนที่อาศัยอยู่ตามชายฝั่งและเขตน้ำท่วมถึงต่างเก็บข้าวของไปอาศัยตามศูนย์พักพิง เนื่องจากเริ่มเกิดน้ำท่วมในบางพื้นที่แล้ว
เบนิโต รามอส หัวหน้าหน่วยงานป้องกันพลเรือนฟิลิปปินส์ ระบุว่า ล่าสุดพบผู้หัวใจวายเสียชีวิต 1 ราย สูญหาย 1 คน และอีก 3 คนได้รับบาดเจ็บเพราะถูกต้นไม้ล้มทับ
"จากสถานการณ์ล่าสุด ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตถือว่ายังน้อยมาก ก็ต้องขอขอบคุณประชาชนที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และขอบคุณเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นทุกคนด้วย" รามอส เผย
อิทธิพลของไต้ฝุ่นบุปผาทำให้ทางการต้องสั่งระงับเที่ยวบินราว 80 เที่ยว ขณะที่ผู้โดยสารเรือข้ามฟากอีกหลายพันคนยังตกค้างอยู่ตามท่าเรือ สำนักงานป้องกันพลเรือนแถลง
ลิซา มาโซ เจ้าหน้าที่ป้องกันพลเรือนประจำภูมิภาค เปิดเผยว่า พื้นที่ส่วนใหญ่ของเกาะมินดาเนายังถูกตัดไฟ เพื่อหลีกเลี่ยงเพลิงไหม้และเหตุคนถูกไฟฟ้าช็อต
“เราตัดไฟตั้งแต่ก่อนเช้ามืด หลังมีรายงานกระแสลมแรง, คลื่นสูง และอาจมีคลื่นพายุซัดฝั่งในบางพื้นที่ด้วย” เธอเผย
รัฐบาลฟิลิปปินส์ยังได้สั่งปิดโรงเรียนบนเกาะมินดาเนา และหลายพื้นที่ทางตอนกลางของประเทศในวันนี้(4)
ประธานาธิบดี เบนิโญ อากิโน ออกแถลงการณ์ให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงเตรียมอพยพ วานนี้(3) โดยเตือนว่า “อำนาจทำลายล้างของไต้ฝุ่นบุปผาไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เราคาดว่ามันจะเป็นไต้ฝุ่นรุนแรงที่สุดที่พัดเข้าสู่ฟิลิปปินส์ในปี 2012”
หมู่เกาะฟิลิปปินส์ต้องเผชิญกับพายุไต้ฝุ่นราว 20 ลูกต่อปี ซึ่งบางลูกก็มีความรุนแรงมาก โดยไต้ฝุ่นบุปผาถือเป็นไต้ฝุ่นลูกที่ 16 สำหรับปีนี้