ซีบีเอส - เผยครั้งหนึ่ง นีล อาร์มสตรอง และ บัซ อัลดริน เคยเกือบไม่มีดวงจันทร์ให้เหยียบเสียแล้ว หลังสื่อมวลชนหลายสำนักออกมาแฉว่าสหรัฐฯ เคยมีแผนจุดชนวนระเบิดนิวเคลียร์บนดาวบริวารของโลกดวงนี้ ช่วงทศวรรษที่ 1950
สำนักงานเอเชียน นิวส์ อินเตอร์เนชันแนล อ้างว่าช่วงระหว่างที่สงครามเย็นอยู่ในขั้นตึงเครียดสูงสุด เจ้าหน้าที่สหรัฐฯถกเถียงกันอย่างเคร่งเครียดถึงความเป็นไปได้ที่จะนำระเบิดนิวเคลียร์ไปจุดชนวนบนดวงจันทร์ เพื่อส่งสารข่มขู่สหภาพโซเวียต
สื่อแห่งนี้อ้างอีกว่าโครงการลับนี้มีชื่อว่า "A Study of Lunar Research Flights" เรียกสั้นๆว่า "โครงการ A119" พร้อมยืนยันว่าเจ้าหน้าที่สหรัฐฯพิจารณาเรื่องนี้อย่างจริงจัง แต่สุดท้ายก็ต้องล้มเลิกไปเพราะกองทัพแสดงความกังวลว่ามันจะเป็นอันตรายต่อมนุษยชาติ
ด้านเดลิเมล์ รายงานว่าผลศึกษาของนักดาราศาสตร์คนดัง คาร์ล เซแกน ซึ่งขณะนั้นเป็นนักศึกษาจบใหม่ด้านดาราศาสตร์ ถูกนำมาใช้สำหรับคำนวณฝุ่นและแก๊สที่อาจเกิดขึ้นจากแรงระเบิด
การคำนวณเกี่ยวกับปฏิกิริยาของฝุ่นและก๊าซภายหลังการระเบิดนี้ก็เพื่อไม่ให้ยานสปุตนิคของโซเวียตเข้าถึงดวงจันทร์ได้ และยังเป็นการแสดงแสนยานุภาพด้านอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ ให้โซเวียตเห็น
จากการสัมภาษณ์ นายลีโอนาร์ด เรียฟเฟล นักวิทยาศาสตร์วัย 85 ปี ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งเป็นรองผู้อำนวยการของนาซา เปิดเผยว่า สหรัฐฯ เชื่อว่า แรงระเบิดของนิวเคลียร์บนดวงจันทร์ อาจข่มขวัญสหภาพโซเวียต หลังจากโซเวียตชิงปล่อยยานสปุตนิคตัดหน้าขึ้นสู่อวกาศก่อน
ภายใต้แผนการนี้ มุ่งหวังที่จะใช้ขีปนาวุธบรรทุกอาวุธนิวเคลียร์ขนาดเล็ก ปล่อยจากฐานไม่ระบุชื่อ เดินทางไปถล่มดวงจันทร์ด้วยระยะทาง 238,000 ไมล์ และจะระเบิดอัตโนมัติเมื่อสัมผัสผิวดวงจันทร์
ทั้งนี้ผู้ที่ร่วมวางแผนในโครงการนี้ ได้ตัดสินใจว่า จะต้องใช้ระเบิดนิวเคลียร์เท่านั้น เพราะระเบิดไฮโดรเจนจะหนักเกินกว่าขีปนาวุธจะบรรทุกไหว