รอยเตอร์ - นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนจากนานาประเทศเดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทำเนียบขาว วานนี้(13) เพื่อเรียกร้องให้ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯแสดงจุดยืนแข็งกร้าวต่อผู้นำพม่าและกัมพูชา ระหว่างเดินทางเยือนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเป็นทางการ
นักสิทธิมนุษยชนกลุ่มนี้ได้หารือกับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯซึ่ง รวมถึง ซาแมนธา เพาเวอร์ ที่ปรึกษาอาวุโสของประธานาธิบดีซึ่งสันทัดกรณีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ โดยสอบถามถึงสิ่งที่ผู้นำสหรัฐฯจะกล่าวเพื่อกระตุ้นให้รัฐบาลกึ่งพลเรือนของพม่าเร่งแก้ไขปัญหาความแตกแยกระหว่างชนชาติ
ประธานาธิบดี โอบามา ซึ่งมีกำหนดเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ระหว่างวันที่ 17-20 พฤศจิกายนนี้ จะเดินทางไปพม่าเป็นครั้งแรก ท่ามกลางเสียงทัดทานจากนักสิทธิมนุษยชนบางรายที่มองว่ากำหนดการเยือนครั้งนี้ยังเร็วเกินไป เนื่องจากพม่ายังต้องใช้เวลาปฏิรูปการเมืองที่ถูกครอบงำโดยกองทัพมานานหลายสิบปี
พวกเขาพึงพอใจที่ทราบว่า โอบามา จะกล่าวเน้นเรื่องสิทธิมนุษยชน ตลอดจนการปฏิรูปการเมืองและเศรษฐกิจในพม่า ระหว่างสนทนาลับกับประธานาธิบดี เต็ง เส่ง และในสุนทรพจน์ที่จะกล่าวต่อสาธารณชนด้วย
อย่างไรก็ตาม พวกเขายังกังวลเมื่อทราบว่า ผู้นำสหรัฐฯไม่มีแผนที่จะประณามการละเมิดสิทธิมนุษยชนในกัมพูชา ระหว่างเดินทางเยือนกรุงพนมเปญเพื่อร่วมประชุมสุดยอดผู้นำเอเชียตะวันออก
“เรื่องกัมพูชายังเป็นจุดด่างพร้อยสำหรับการเยือนครั้งนี้” นักเคลื่อนไหวผู้หนึ่งให้สัมภาษณ์
ด้านเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว ยืนยันว่า โอบามา พร้อมแสดงจุดยืนที่แข็งกร้าวระหว่างสนทนาเป็นการส่วนตัวกับนายกรัฐมนตรี ฮุน เซน
“เราจะหยิบยกประเด็นเรื่องสิทธิมนุษยชนในพม่าและกัมพูชาขึ้นมากล่าวอย่างแน่นอน” เจ้าหน้าที่ระดับสูงคนหนึ่ง ให้สัมภาษณ์
เพาเวอร์ ซึ่งได้ฉายา “เหยี่ยวสิทธิมนุษชน” ระบุเป็นนัยไว้บนเว็บไซต์ทำเนียบขาวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า โอบามา จะใช้โอกาสในการเยือนพม่าครั้งนี้กดดันให้ เต็ง เส่ง เอาจริงเอาจังกับปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนมากยิ่งขึ้น
พรรคประชาชนกัมพูชาของนายกฯ ฮุน เซน ซึ่งครองอำนาจมานานถึง 27 ปี ถูกนักสิทธิมนุษยชนทั่วโลกวิจารณ์ว่าใช้อำนาจเบ็ดเสร็จ อีกทั้งยึดครองที่ดินเพื่อให้ต่างชาติเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์
การเยือนพม่าถือเป็นไฮไลต์สำคัญที่ตอกย้ำผลงานอันโดดเด่นด้านนนโยบายต่างประเทศของโอบามา ซึ่งประสบความสำเร็จในการผลักดันให้พม่าปฏิรูปการเมืองไปสู่ระบอบประชาธิปไตย ตลอดจนส่งเสริมการพัฒนาด้านต่างๆที่จะช่วยให้วอชิงตันสามารถคานอำนาจกับจีนในภูมิภาคนี้ได้