เอเอฟพี - รัฐบาลญี่ปุ่นไม่มีแผนอุ้มธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ที่กำลังประสบภาวะขาดทุนอย่างหนัก หลังจาก ชาร์ป ทำท่าว่าจะไปไม่รอด รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจออกมาแถลง วันนี้(10)
เซอิจิ มาเอฮาระ รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจญี่ปุ่น ระบุว่า ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่อย่าง พานาโซนิค และ ชาร์ป ซึ่งคาดว่าปีนี้จะขาดทุนสุทธิรวมกันกว่า 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไม่ควรหวังว่ารัฐบาลจะนำเงินภาษีเข้าไปโอบอุ้มเหมือนคราวสายการบิน เจแปน แอร์ไลน์ส ล้มละลาย หรือกรณีของ เท็ปโก ผู้บริหารโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ไดอิจิ
“ในสังคมทุนนิยม ผมเชื่อว่าทุกบริษัทควรจะฟื้นฟูสภาพคล่องด้วยตนเอง” มาเอฮาระ ซึ่งเป็นคนตรงไปตรงมา แถลงต่อสื่อมวลชนในกรุงโตเกียว
เมื่อหลายปีก่อน ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ก็เคยถูกฝ่ายค้านวิพากษ์วิจารณ์ที่นำงบประมาณไปอุ้มอุตสาหกรรมรถยนต์ซึ่งกำลังล้มละลายจากวิกฤตเศรษฐกิจปี 2008 แต่ในกรณีของญี่ปุ่นถือเป็นประเด็นละเอียดอ่อนยิ่งกว่า เพราะสังคมส่วนใหญ่ไม่ต้องการเห็นบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ยักษ์ใหญ่เหล่านี้ต้องล้มไป
อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์แดนปลาดิบกำลังเผชิญปัญหารุมเร้าหลายด้าน ทั้งเงินเยนแข็งค่า, อุปสงค์ในตลาดส่งออกที่ตกต่ำ, การแข่งขันกับบริษัทต่างชาติ และความผิดพลาดด้านยุทธศาสตร์ที่ทำให้แต่ละบริษัทเสียสภาพคล่องอย่างหนัก
แม้ขณะนี้ ชาร์ป, พานาโซนิค และโซนี จะเร่งปรับโครงสร้างบริษัทเพื่อความอยู่รอด และยังไม่มีแผนยื่นขอความคุ้มครองล้มละลายจากรัฐบาล แต่ในกรณีของ ชาร์ป เพิ่งเผยคาดการณ์ยอดขาดทุนสุทธิในปีนี้ถึง 5.6 พันล้านดอลลาร์ และยังถูกลดความน่าเชื่อถือลงสู่ขั้น “ขยะ” ซึ่งทำให้บริษัทยอมรับว่า ไม่แน่ใจว่าจะอยู่รอดได้หรือไม่
มาเอฮาระ อธิบายว่า เจแปน แอร์ไลน์ส ซึ่งยื่นล้มละลายเมื่อปี 2010 ถือเป็นสายการบินแห่งชาติ ซึ่งหากปล่อยให้ล้มก็จะทำให้คู่แข่งอย่าง ออล นิปปอน แอร์เวย์ส ผูกขาดตลาดการบินในประเทศ
หลังจากปรับโครงสร้างธุรกิจตามแผนที่รัฐบาลกำหนดให้ เจแปน แอร์ไลน์ส สามารถจดทะเบียนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์อีกครั้งเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา และกลับมาทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำในปัจจุบัน
ด้านบริษัท โตเกียว อิเล็กทริก เพาเวอร์ โค (เท็ปโก) ก็เตรียมรับเงินช่วยเหลือจากรัฐหลายพันล้านดอลลาร์ เพื่อนำไปจ่ายค่าชดเชยแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตนิวเคลียร์ที่โรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ ไดอิจิ ซึ่งมีสาเหตุจากแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิที่ซัดถล่มชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 11 มีนาคม ปี 2011
