xs
xsm
sm
md
lg

“แม้ว”เปิดใจ “ฟอร์บส์” โวลั่นเดินทางทั่วโลกได้เสรี-อยู่เบื้องหลัง “ปู”บริหารประเทศ ชี้มีชีวิตอยู่เพื่อสู้กับความ “อยุติธรรม”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ถูกโค่นอำนาจเมื่อ 6 ปีก่อน และอยู่ระหว่างหลบหนีคดีทุจริตในต่างแดน เปิดใจให้สัมภาษณ์ทิม เฟอร์กูสัน คอลัมนิสต์เอเชีย-แปซิฟิกของ“ฟอร์บส์” รวมถึง ลาน อันห์ เหวียน บรรณาธิการเชื้อสายเวียดนามของ“ฟอร์บส์ เอเชีย”ที่นครดูไบสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยระบุ ขณะนี้สามารถเดินทางทั่วโลกได้อย่างเสรีและทุกประเทศให้การต้อนรับอย่างดี แต่ยังกลับไทยไม่ได้ ลั่น ยังมีชีวิตอยู่เพื่อต่อสู้กับความ “อยุติธรรม” พร้อมยอมรับอยู่ “เบื้องหลัง” การบริหารประเทศของรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์”จริง

บทความชิ้นล่าสุดของทิม เฟอร์กูสัน คอลัมนิสต์ผู้เชี่ยวชาญด้านกิจการเอเชีย-แปซิฟิกของนิตยสารฟอร์บส์ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเพิ่งเข้าร่วมการประชุม“Forbes Global CEO Conference”ที่ดูไบได้เปิดใจให้สัมภาษณ์นานเกือบ 1 ชั่วโมง โดยอดีตนายกรัฐมนตรี วัย 63 ปีเผยว่าขณะนี้ตนเองสามารถเดินทางไปยังประเทศต่างๆทั่วโลกได้อย่างอิสระเสรีโดยใช้หนังสือเดินทางทั้งของ “ไทย” และ “มอนเตเนโกร” โดยระบุทุกประเทศที่ตนเดินทางไปได้ให้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี ยกเว้นประเทศไทยที่เป็นบ้านเกิดเพียงประเทศเดียวเท่านั้นที่ยังไม่สามารถเดินทางกลับมาได้

พ.ต.ท.ทักษิณ ยืนยันว่า รัฐบาลไทยชุดปัจจุบันภายใต้การนำของผู้เป็นน้องสาว คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรได้คืนหนังสือเดินทางไทยให้แก่ตนแล้ว หลังจากที่รัฐบาลของน้องสาวที่นำโดยพรรคเพื่อไทยขึ้นครองอำนาจเมื่อปีที่แล้ว พร้อมอ้างว่า ทางการไทยยังได้ส่งคืนทรัพย์สินแก่ตนเองเป็นมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 30,703 ล้านบาท) ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่เคยถูกอายัดไว้หลังจากที่เขาโดนโค่นอำนาจ ระบุ ทรัพย์สินที่ได้คืนก้อนนี้ช่วยเพิ่มพูนความมั่งคั่งให้ตนได้มาก

อย่างไรก็ดี พ.ต.ท.ทักษิณปฏิเสธที่จะยอมรับข้อมูลของฟอร์บส์ที่ระบุว่า ครอบครัวของเขายังคงมีทรัพย์สินในความครอบครองอีกไม่ต่ำกว่า 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 18,430 ล้านบาท) และยังคงเป็นหนึ่งในตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในไทย ขณะเดียวกัน ก็ไม่ปริปากถึงหนังสือเดินทางของประเทศ “นิการากัว” ว่า ยังอยู่ในความครอบครองของตนหรือไม่ หลังก่อนหน้านี้ตกเป็นข่าวขัดแย้งกับประธานาธิบดีดาเนียล ออร์เตกา ผู้นำนิการากัว จนความสัมพันธ์ร้าวฉาน

พ.ต.ท.ทักษิณที่ครองอำนาจในไทยระหว่างปี 2001-2006 ยังระบุว่า เขายังมีชีวิตอยู่เพื่อต่อสู้กับความ “อยุติธรรม” ที่เขาได้รับ พร้อมเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันของไทย เนื่องจากกฏหมายสูงสุดฉบับนี้ ขาดความถูกต้องชอบธรรม

อดีตนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำกับทั้งเฟอร์กูสันและ ลาน อันห์ เหวียนระหว่างการให้สัมภาษณ์ โดยยอมรับว่า ได้พูดคุยกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ “สัปดาห์ละหลายครั้ง” โดยส่วนใหญ่เป็นการพูดคุยกันในเรื่องของครอบครัว แต่ก็มีการคุยกันในเรื่องที่เป็นทางการด้วยเช่นกัน

“บางครั้งเมื่อมีประเด็นร้อน เราสองคนจะคุยกันบ่อยขึ้น เพราะผมรู้จักผู้คน รู้กฎหมาย และรู้เรื่องระหว่างประเทศมากกว่า น้องสาวของผม เธอยังใหม่ต่อเรื่องเหล่านี้ และเมื่อใดก็ตามที่เธอโทรศัพท์หาผมเพื่อขอคำแนะนำ ผมก็สามารถช่วยเธอได้ในทันที ” พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว

ระหว่างการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า เขามีบทบาทอยู่เบื้องหลังการบริหารประเทศของผู้เป็นน้องสาวจริง รวมถึงเป็นผู้คิดนโยบายต่างๆที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยนำไปใช้

“ผมเป็นคนเดียวที่ออกความคิด ก็เหมือนกับสโลแกนของพรรคเพื่อไทย ระหว่างการหาเสียงครั้งที่ผ่านมาที่กล่าวว่า ทักษิณคิด-เพื่อไทยทำ” พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวย้ำ

ในตอนท้ายของการเปิดใจ พ.ต.ท.ทักษิณ เผยว่าเขาได้ทุ่มเงินลงทุนไปกว่า 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 920 ล้านบาท)ในการขอสัมปทานการทำเหมืองแร่ทองคำ ทองคำขาวและไทเทเนียมในหลายประเทศของแอฟริกาทั้งยูกันดา แทนซาเนีย และซิมบับเว แต่ยอมรับว่า ตนเองแทบไม่มีความรู้ใดๆเกี่ยวกับการทำเหมืองแร่มาก่อน แต่จำต้องเดินหน้าธุรกิจนี้ต่อ เนื่องจากไม่มีความคิดที่จะหวนกลับไปจับธุรกิจโทรคมนาคมที่เคยสร้างความมั่งคั่งให้กับตนอีก


กำลังโหลดความคิดเห็น