เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-สื่อต่างประเทศรายงานยอดขายรถยนต์ใหม่ภายในประเทศของไทยทำสถิติทะลุ 1 ล้านคันแล้วในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ จนก่อให้เกิดปัญหาขาดแคลนป้ายทะเบียนครั้งใหญ่ ชี้เป็นผลจากโครงการรถคันแรกของรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์”
รายงานข่าวของสื่อต่างประเทศหลายสำนัก รวมถึง “สตีลกูรู” เว็บไซต์ชื่อดังแห่งแวดวงอุตสาหกรรมเหล็กซึ่งมีฐานอยู่ในอินเดียระบุว่า ยอดขายรถยนต์ใหม่ภายในประเทศของไทยนับตั้งแต่เดือนมกราคม-เดือนกันยายนปีนี้ทำสถิติทะลุหลัก 1 ล้านคันเป็นครั้งแรก ส่งผลให้จำนวน “รถยนต์ใหม่ป้ายแดง”ที่ออกมาโลดแล่นอยู่บนท้องถนนของประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์เป็นกว่า 50,000 คันต่อเดือน หรือเพิ่มขึ้น “มากกว่าเท่าตัว” จากเดิมที่จำนวนรถใหม่บนท้องถนนของไทยจะอยู่ที่ราว 20,000 คันต่อเดือนเท่านั้น
สื่อดังของอินเดียยังระบุว่า จำนวนรถจดทะเบียนใหม่ที่พุ่งสูงขึ้นในไทย ได้ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกรมการขนส่งทางบก ต้องปวดหัวกับปัญหา “ป้ายทะเบียนขาดแคลน” เป็นเหตุให้ต้องแก้ปัญหาด้วยการผลิตป้ายทะเบียนแบบใหม่ล่าสุดที่มีตัวเลข 1 ตัว นำหน้าตัวพยัญชนะภาษาไทย 2 ตัว เช่น “ 1กก XXXX” ออกมาใช้เป็นครั้งแรก สำหรับรองรับการจดทะเบียนของรถ 56.3 ล้านคัน และคาดว่าจะเพียงพอใช้งานได้นานกว่า 157 ปี นับตั้งแต่เดือนธันวาคมนี้เป็นต้นไป
รายงานข่าวยังระบุว่า ยอดขายยานยนต์ในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นถึง 71.3 เปอร์เซ็นต์ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งสาเหตุสำคัญมาจากนโยบายประชานิยม ของรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรที่ส่งเสริมการมี “รถคันแรก” และหากพิจารณาเฉพาะในเดือนกันยายนที่ผ่านมาเพียงเดือนเดียว พบว่า ยอดขายรถยนต์ใหม่ในไทยเพิ่มสูงขึ้นถึง 52.7 เปอร์เซ็นต์จากช่วงเดียวกันของปี 2011 หรือคิดเป็นจำนวนรถทั้งสิ้น132,874 คัน ซึ่งในจำนวนนี้ 68,282 คันเป็นรถยนต์นั่งโดยสารขนาดกลาง-เล็ก ส่วนอีก 64,592 คันเป็นรถเพื่อการพาณิชย์
ทั้งนี้ โตโยต้า ค่ายรถยักษ์ใหญ่แห่งแดนปลาดิบยังครองส่วนแบ่งการตลาดได้มากที่สุดในไทย ถึง 38.1 เปอร์เซ็นต์ด้วยยอดจำหน่าย 380,751 คัน (เพิ่มขึ้น 75.9 เปอร์เซ็นต์)ตามมาด้วยอีซุซุ 150,003 คัน และฮอนด้า106,444 คัน ขณะที่กระทรวงการคลังของไทยต้องจ่ายคืนเงินภาษีโครงการรถคันแรกไปแล้วคิดเป็นวงเงินกว่า 18,000 ล้านบาทนับตั้งแต่วันที่ 1ตุลาคมที่ผ่านมา