“คลินตัน” ยืดอกรับความบกพร่องในเหตุโจมตีสถานกงสุลสหรัฐฯ

เอเอฟพี - ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยืดอกรับผิดแต่เพียงผู้เดียวเกี่ยวกับความบกพร่องในการตอบสนองเหตุโจมตีสถานกงสุลสหรัฐฯ ณ เมืองเบงกาซีของลิเบีย เมื่อวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา สื่อสหรัฐฯ รายงานวานนี้ (15)

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น และฟอกซ์นิวส์อ้างถ้อยแถลงของคลินตัน ที่กรุงลิมา เมืองหลวงของเปรู ว่า “ดิฉันขอรับผิดทั้งหมด”

คลินตันบอกกับซีเอ็นเอ็นด้วยว่า “ดิฉันต้องการเลี่ยงหลุมพรางทางการเมืองทั้งหลาย”

ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ถูกศัตรูทางการเมืองวิจารณ์อย่างรุนแรง หลังกลุ่มติดอาวุธบุกเข้าโจมตีสถานกงสุลในเมืองเบงกาซีจนเจ้าหน้าที่อเมริกาเสียชีวิตไป 4 ราย ซึ่งการที่ คลินตันออกมาแบกรับความผิดไว้เองก็ถือเป็นอีกหนึ่งความพยายามที่จะลดแรงเสียดทานแก่ประธานาธิบดี ก่อนศึกเลือกตั้งจะมาถึงในอีก 3 สัปดาห์ข้างหน้า

ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ พยายามเชื่อมโยงเหตุการณ์ดังกล่าวกับกระแสประท้วงภาพยนตร์หมิ่นศาสดามูฮัมหมัดที่กำลังแผ่ลามในโลกมุสลิมขณะนั้น แต่ภายหลังกลับพบหลักฐานว่าผู้ต้องสงสัยเป็นกลุ่มติดอาวุธเครือข่ายอัลกออิดะห์ และการโจมตีที่เกิดขึ้นน่าจะวางแผนมาล่วงหน้าเป็นอย่างดี มิใช่ปะทุขึ้นเองจากความไม่พอใจของผู้ประท้วงตามที่วอชิงตันกล่าวอ้าง

เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศซึ่งแถลงรายละเอียดต่อสภาคองเกรสเมื่อสัปดาห์ที่แล้วระบุว่า คำขอเสริมกำลังรักษาความปลอดภัยสถานกงสุลเมืองเบงกาซีถูกปฏิเสธจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกระทรวงฯ ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคลินตัน

คลินตันบอกกับซีเอ็นเอ็น และฟอกซ์นิวส์ว่า อำนาจตัดสินใจเรื่องการรักษาความปลอดภัยทั้งหมดขึ้นตรงต่อเธอ และเมื่อเกิดเหตุโจมตีอย่างกะทันหัน ก็มักจะมี “ความสับสน” เกิดขึ้นในช่วงแรกเสมอ

“การตัดสินใจเรื่องความปลอดภัยเป็นหน้าที่ของผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง แต่เราจะตรวจสอบทุกอย่างเพื่อให้มั่นใจว่าเราได้ทำในสิ่งที่จำเป็นในสถานการณ์ซึ่งเต็มไปด้วยความเสี่ยงแล้ว” คลินตันแถลง

รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวด้วยว่า แม้เธอจะมีหน้าที่ดูแลสวัสดิภาพของเจ้าหน้าที่กระทรวงฯ ภาคสนาม แต่พวกเขาก็ไม่ควรละทิ้งสถานที่เสี่ยงภัยอย่างลิเบีย ซึ่งกำลังต้องการการสนับสนุนจากสหรัฐฯ

“เราไม่เข้าไปไม่ได้... เราจะถอยออกมาตอนนี้ไม่ได้”

มิตต์ รอมนีย์ ซึ่งจะชิงชัยกับโอบามาในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี 6 พฤศจิกายนนี้ กล่าวตำหนิรัฐบาลที่ให้ข้อมูลสับสน และผู้สนับสนุนรีพับลิกันถึงกับกล่าวหาว่าวอชิงตันจงใจปิดบังความจริง