เอเอฟพี/บีบีซี - สหรัฐฯ ลงทุนซื้อเวลาของสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ ของปากีสถาน เพื่ออกอากาศโฆษณาประชาสัมพันธ์ในความพยายามบรรเทาความโกรธกริ้วของชาวมุสลิมที่ก่อการประท้วงรุนแรงต่อต้านภาพยนตร์ดูหมิ่นศาสนาอิสลาม จนลุกลามบานปลายไปหลายสิบประเทศและคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วมากกว่า 50 ศพ
กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ควักเงิน 70,000 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับซื้อเวลาออกอากาศภาพยนตร์โฆษณาตามสถานีโทรทัศน์ 7 แห่งครอบคลุมทั่วปากีสถาน ในความพยายามชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลอเมริกาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับภาพยนตร์ที่ก่อความเดือดดาลนี้
คลิปภาพยนตร์โฆษณาความยาว 30 วินาทีนี้ เป็นเหตุการณ์ที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา กล่าวประณามภาพยนตร์ดูหมิ่นศาสดามูฮัมมัดที่ผลิตโดยชาวคริสเตียนหัวรุนแรงในสหรัฐฯ และนางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศ กำลังแถลงข่าวปฏิเสธสารของภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวตั้งแต่ครั้งที่เหตุประท้วงต่อต้านหนังเรื่องนี้ปะทุขึ้นใหม่ๆ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ในโฆษณาชิ้นนี้ โอบามากำลังพูดว่า “นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้น สหรัฐฯ เป็นประเทศที่ให้ความเคารพต่อทุกความศรัทธา เราปฏิเสธทุกความพยายามป้ายสีความความเชื่อทางศาสนาของผู้อื่น” จากนั้นก็เป็นคลินตัน ที่กล่าวว่า “ฉันขอย้ำอย่างชัดๆ เลยว่า สหรัฐฯ ไม่เกี่ยวข้องกับวิดีโอนี้เลย เราปฏิเสธเนื้อหาของมันโดยสิ้นเชิง ย้อนกลับไปนับตั้งแต่เราเริ่มก่อตั้งประเทศ สหรัฐฯ เปิดกว้างสำหรับทุกศาสนาเสมอ”
วิกตอเรีย นูแลนด์ โฆษกของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า การซื้อเวลาออกโฆษณาตามสถานีโทรทัศน์ต่างๆ มีเป้าหมายคือต้องการให้แน่ใจว่าประชาชนชาวปากีสถานจะได้ยินสารจากทั้งโอบามา และคลินตัน
อย่างไรก็ตามไม่เป็นที่ชัดเจนว่าภาพยนตร์โฆษณาชิ้นนี้จะเข้าถึงมากน้อยแค่ไหน หลังจากเมื่อวันพฤหัสบดี (20) ผู้ประท้วงหลายพันคนก็เพิ่งปะทะกับตำรวจ ใกล้ๆ กับแหล่งที่ตั้งของสถานทูตตะวันตกในกรุงอิสลามาบัด ในเหตุการณ์อันโกลาหลที่ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 50 คน
ภาพยนตร์เรื่อง “อินโนเซนส์ ออฟ มุสลิมส์” สร้างโดยกลุ่มคริสเตียนหัวรุนแรงสหรัฐฯ จุดชนวนประท้วงที่ลุกลามไปอย่างน้อย 20 ประเทศทั่วโลก นับตั้งแต่มันถูกตัดทอนโพสต์ลงบนโลกออนไลน์ และจนถึงตอนนี้มีประชาชนกว่า 30 คนแล้ว ที่เสียชีวิตในเหตุความรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับหนังเรื่องดังกล่าว
นับตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว มีการประท้วงต่อต้านภาพยนตร์ดังกล่าวทั่วปากีสถานหลายสิบครั้งและมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างต่ำ 2 คน แต่ในวันพฤหัสบดี (20) นับเป็นครั้งแรกที่การชุมนุมในเมืองหลวงเลี้ยวเข้าสู่ความรุนแรง