เอเอฟพี/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - สถานเอกอัครราชทูตอเมริกันในไทย ประกาศปิดทำการในวันอังคาร (18) ด้วยเหตุผลว่าเพื่อหลบการประท้วงภาพยนตร์ต่อต้านอิสลามที่คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมนับร้อย ส่วนทางด้านกระแสการประท้วงในโลกมุสลิมยังคงเป็นไปอย่างดุเดือด โดยเฉพาะที่อัฟกานิสถานและอินโดนีเซียซึ่งลุกลามกลายเป็นความรุนแรงเป็นครั้งแรก
ในคำแถลงบนเว็บไซต์ที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ (17) ระบุว่า สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย ได้รับแจ้งจากตำรวจไทยว่า การชุมนุมเดินขบวนประท้วงที่หน้าสถานทูตในวันอังคารนี้ จะเริ่มขึ้นประมาณบ่ายโมงถึงบ่าย 2 โมง ดังนั้นทางสถานทูตจึงจะะปิดทำการตั้งแต่เที่ยงวันอังคาร และเจ้าหน้าที่ที่ไม่ภารกิจสำคัญจะถูกส่งตัวกลับบ้าน เนื่องจากคาดว่าการประท้วงจะทำให้การจราจรบริเวณหน้าสถานทูตติดขัด
วอลเตอร์ บรอนโนห์เลอร์ โฆษกสถานทูตสหรัฐฯ ยืนยันกับเอเอฟพีว่า การประท้วงดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของกระแสต่อต้านหนังทุนต่ำเรื่อง “อินโนเซนซ์ ออฟ มุสลิมส์” ที่เชื่อว่าสร้างโดยชาวคริสเตียนหัวรุนแรงกลุ่มเล็กๆ ในสหรัฐฯ
คำแถลงของสถานทูตสหรัฐฯ ยังระบุว่า ไม่มีภัยคุกคามเฉพาะเจาะจงกับพลเมืองอเมริกันในไทย แต่เรียกร้องให้ชาวอเมริกัน “ใช้ความระมัดระวัง” เนื่องจากแม้มีเจตนาประท้วงอย่างสันติ แต่สถานการณ์อาจเปลี่ยนเป็นการเผชิญหน้าและความรุนแรงโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า
ในเวลาเดียวกัน เจ้าหน้าที่สถานทูตญี่ปุ่นซึ่งอยู่ใกล้กับสถานทูตสหรัฐฯ เผยว่ากำลังพิจารณาปิดทำการในวันอังคารเช่นเดียวกันหรือไม่ ขณะที่สถานทูตเนเธอร์แลนด์เตรียมเปิดทำการตามปกติเนื่องจากทางเข้าออกไม่ได้อยู่บนถนนวิทยุเช่นเดียวกับสถานทูตอเมริกัน
กระแสการแสดงความโกรธกริ้วของชาวมุสลิมซึ่งเริ่มมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ทั้งที่บริเวณหน้าสำนักงานทางการทูตอเมริกันและสัญลักษณ์อื่นๆ ของอเมริกาในประเทศต่างๆ ทั่วโลกอย่างน้อย 20 ประเทศ เพื่อเป็นการประท้วงหนังเย้ยหยันศาสดามูฮัมมัดเรื่องนี้ เมื่อวันจันทร์(17) ได้ลุกลามกลายเป็นความรุนแรงในอัฟกานิสถานและอินโดนีเซียเป็นครั้งแรก
ที่กรุงคาบูล ชาวอัฟกันกว่า 1,000 คนจุดไฟเผารถยนต์และคอนเทนเนอร์สินค้าบนถนนจาลาลาลัด มีการขว้างก้อนหินและกวัดแกว่งไม้ใส่ตำรวจ ทำให้มีตำรวจ 40-50 คนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
นอกจากนี้ ผู้ประท้วงยังรุมขว้างปาหินใส่แคมป์ฟีนิกซ์ ซึ่งเป็นฐานทัพอเมริกันในเมืองหลวงของอัฟกานิสถาน
ส่วนที่กรุงจาการ์ตา ผู้ประท้วงขว้างระเบิดขวดและปะทะกับตำรวจหน้าสถานทูตอเมริกันประจำอินโดนีเซีย หลายคนตะโกนว่า “อเมริกาไปลงนรก” ถือเป็นการประท้วงรุนแรงต่อหนังเรื่องดังกล่าวครั้งแรกในประเทศที่มีประชากรชาวมุสลิมมากที่สุดของโลกแห่งนี้
ผู้ประท้วงจำนวนมากเป็นพวกที่สนับสนุนกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง และสวมชุดสีขาวของชาวอิสลาม
ริควันโต โฆษกสำนักงานตำรวจจาการ์ตาเผยว่า เจ้าหน้าที่ใช้แก๊สน้ำตา เครื่องฉีดน้ำ และยิงปืนขึ้นฟ้า แต่ไม่ได้บอกว่าใช้กระสุนจริงหรือกระสุนปลอม
นอกจากนั้นที่ปากีสถาน นักศึกษาหลายพันคนได้เผาธงชาติอเมริกันและโห่ร้องต่อต้านอเมริกันในเมืองเปชาวาร์ ซึ่ง อุซามะห์ บิน ลาดิน เคยใช้เป็นฐานก่อสงครามศักดิ์สิทธิ์กับกองทัพโซเวียตในอัฟกานิสถาน
ส่วนที่เขตอัพเปอร์ เดอร์ ที่อยู่ใกล้เคียง ผู้ประท้วงคนหนึ่งเสียชีวิตและอีก 2 คนได้รับบาดเจ็บจากการยิงต่อสู้กับตำรวจ
ก่อนหน้านี้ในวันอาทิตย์ (16) ที่ประเทศเลบานอน นาร์รัลเลาะห์ หัวหน้ากลุ่มฮิสบอลเลาะห์ที่ถูกสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำเป็นกลุ่มก่อการร้าย ได้ออกมาเรียกร้องให้เลบานอนทำการประท้วงเป็นเวลา 1 สัปดาห์ พร้อมระบุว่า หนังเรื่องดังกล่าวเป็นการโจมตีศาสนาอิสลามรุนแรงที่สุดยิ่งกว่าครั้ง “เดอะ ซาตานิก เวอร์ส” ของ ซัลแมน รัชดี้ นักเขียนอังกฤษที่ถูกอิหร่านหมายหัวตั้งแต่ปี 1989
เช่นเดียวกัน กลุ่มอัลกออิดะห์ในคาบสมุทรอาหรับ ก็เรียกร้องให้ชาวมุสลิมโจมตีสำนักงานการทูตของสหรัฐฯ ในตะวันออกกลางและแอฟริกา รวมถึงผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ในโลกตะวันตก
ทางด้านสื่อมวลชนอิหร่านรายงานในวันจันทร์ว่า รองประธานาธิบดีโมฮัมหมัด เรซา ราฮิมี นอกจากออกมาประณามหนังเรื่องนี้แล้ว ยังประกาศว่าจะอิหร่าน “ค้นหา, แกะรอย และไล่ล่า” บุคคลผู้กระทำความผิดสร้างภาพยนตร์เหยียดหยามชาวมุสลิม 1,500 ล้านคนทั่วโลกเรื่องนี้
อนึ่ง “กูเกิล” เว็บไซต์เสิร์ชเอนจินที่มีผู้นิยมใช้มากที่สุดในโลก ได้ตกลงงดการเผยแพร่คลิปภาพยนต์เรื่องนี้ ทั้งในอียิปต์ อินเดีย อินโดนีเซีย ลิเบีย และมาเลเซีย ภายหลังได้รับการเรียกร้องและการร้องเรียนจากประเทศเหล่านี้ ขณะที่รัฐบาลอัฟกานิสถานได้จำกัดช่องทางเข้าถึงยูทิวบ์