เอเอฟพี - นายกรัฐมนตรี โยชิฮิโกะ โนดะ มีนโยบายให้ญี่ปุ่นเลิกพึ่งพาพลังงานนิวเคลียร์โดยสิ้นเชิงภายใน 3 ทศวรรษข้างหน้า หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับหนึ่งรายงานวันนี้ (12)
หนังสือพิมพ์ไมนิจิ ชิมบุน อ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวในรัฐบาลซึ่งไม่เปิดเผยชื่อ โดยระบุว่าโนดะเตรียมประกาศเจตนารมณ์เลิกใช้พลังงานนิวเคลียร์ภายในทศวรรษ 2030 ซึ่งจะทำให้ญี่ปุ่นเดินไปในแนวทางเดียวกับเยอรมนีที่ประกาศจะเป็นประเทศปลอดนิวเคลียร์ภายในปี 2022
ไมนิจิรายงานว่า รัฐบาล “จะตัดสินใจอย่างเป็นทางการ ระหว่างการประชุมพลังงานและสิ่งแวดล้อมช่วงสุดสัปดาห์นี้”
กรุงโตเกียวเตรียมจัดทำนโยบายพลังงานใหม่ หลังอานุภาพของคลื่นสึนามิทำให้เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์โรงไฟฟ้าฟูกุชิมะ ไดอิจิ พังเสียหาย จนเกิดเป็นวิกฤตการณ์นิวเคลียร์ครั้งใหญ่เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งหลายเดือนต่อจากนั้นญี่ปุ่นยังต้องทยอยปิดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั่วประเทศเพื่อตรวจสอบความปลอดภัย โดยสามารถเปิดใช้งานใหม่ได้เพียง 2 แห่ง ซึ่งก็ต้องเผชิญกระแสประท้วงต่อต้านจากประชาชนที่หมดความเชื่อมั่นกับพลังงานนิวเคลียร์
สัปดาห์ที่แล้ว พรรครัฐบาล เดโมเครติก ปาร์ตี้ ออฟ เจแปน (ดีพีเจ) ได้เสนอนโยบายให้ญี่ปุ่น “ใช้ทรัพยากรทางการเมืองทุกอย่างที่มีอยู่ เพื่อผลักดันให้จำนวนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เปิดใช้กลายเป็นศูนย์ ภายในทศวรรษ 2030”
หลัก 3 ประการที่พรรคดีพีเจเสนอ ประกอบด้วย 1) ไม่สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งใหม่ 2) ปิดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใช้งานมาครบ 40 ปี และ 3) อนุญาตให้เปิดใช้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ผ่านการตรวจเช็กสภาพโดยผู้ตรวจสอบด้านนิวเคลียร์แล้วเท่านั้น
พรรคของโนดะยังแนะให้ญี่ปุ่นหันมาพึ่งพาพลังงานที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ และออกมาตรการสนับสนุนให้ประชาชนลดใช้พลังงานลงอย่างจริงจัง ซึ่งรวมถึงการติดตั้งมิเตอร์อัจฉริยะ (smart metering) นอกจากนี้ก็ควรมีการสำรวจและพัฒนาแหล่งทรัพยากรในน่านน้ำใกล้เคียง และมองหาแหล่งก๊าซธรรมชาติเหลวหรือเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ราคาถูกลง
ญี่ปุ่นซึ่งแทบไม่มีทรัพยากรธรรมชาติเป็นของตนเอง ต้องหันไปพึ่งการนำเข้าน้ำมันจากตะวันออกกลางเพิ่มมากขึ้นในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา เพื่อทดแทนสัดส่วนพลังงานที่ขาดหายไปจากการปิดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
นายกรัฐมนตรีโนดะแถลงเมื่อวันจันทร์ (10) ว่า จะนำข้อแนะนำต่างๆ ของพรรคดีพีเจไปบรรจุลงในนโยบายพลังงานใหม่ ซึ่งคาดว่าจะร่างเสร็จภายในสัปดาห์นี้