เอเจนซีส์ - “โชกุนเงา“ อิชิโร โอซาวะ บุคคลสำคัญซึ่งผลักดันพรรคดีพีเจจนประสบความสำเร็จขึ้นเป็นแกนนำรัฐบาลผสมของญี่ปุ่นชุดปัจจุบัน เมื่อวันจันทร์ (2) ได้นำลูกทีมที่เป็น ส.ส. และ ส.ว. รวม 50 ชีวิตลาออกจากพรรค โดยอ้างว่าเพื่อประท้วงนโยบายการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม อย่างไรก็ตาม พวกนักวิเคราะห์มองว่าความเคลื่อนไหวคราวนี้ไม่น่าจะสั่นคลอนฐานะของนายกรัฐมนตรีโยชิฮิโกะ โนดะ เนื่องจากฝ่ายรัฐบาลยังสามารถครองเสียงข้างมากในสภาล่างอันทรงอิทธิพล มิหนำซ้ำความยังทำให้ โนดะ ควบคุมมุ้งอื่นๆ ในพรรค รวมทั้งต่อรองกับพรรคฝ่ายค้านได้ง่ายขึ้น
โอซาวะ และลูกทีมในมุ้งของเขา ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกสภาล่าง 38 คน และสภาสูง 12 คน ยื่นหนังสือลาออกจากพรรคเดโมเครติก ปาร์ตี้ ออฟ เจแปน (ดีพีเจ) ซึ่งเป็นแกนนำคณะรัฐบาลผสมของญี่ปุ่น โดยให้เหตุผลว่าเพื่อคัดค้านแผนการของโนดะที่จะขึ้นภาษีการขาย (คล้ายๆ ภาษีมูลค่าเพิ่ม) อีกเท่าตัวเป็น 10% ภายในเวลา 3 ปี
แผนการของโนดะนี้ มีเป้าหมายเพื่อลดหนี้ภาคสาธารณะมูลค่ามหาศาลของญี่ปุ่น และสามารถผ่านความเห็นชอบของสภาล่างเมื่อสัปดาห์ที่แล้วจากการช่วยเหลือของฝ่ายค้าน ขณะที่มี ส.ส.ของดีพีเจ ซึ่งก็คือคนในมุ้งของโอซาวะ จำนวน 57 คนโหวตคัดค้าน และ 15 คนงดออกเสียงหรือไม่เข้าร่วมประชุม ทั้งนี้โอซาวะโต้แย้งว่า การขึ้นภาษีการขายคือการละเมิดคำสัญญาระหว่างหาเสียงเมื่อ 3 ปีที่แล้วที่ดีพีเจประกาศว่า จะจำกัดอำนาจระบบราชการและลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นก่อนที่จะขึ้นภาษี
มีผู้คนจำนวนไม่น้อยวิตกกังวลว่าจะเกิดความไร้เสถียรภาพจากการขึ้นภาษีเช่นนี้ ในช่วงเวลาที่ญี่ปุ่นยังกำลังค่อยๆ ฟื้นตัวจากภัยพิบัติแผ่นดินไหว คลื่นสึนามิ และวิกฤตนิวเคลียร์เมื่อปีที่แล้ว
ทว่า โนดะ ซึ่งเป็นอดีตรัฐมนตรีคลัง ยืนกรานว่าญี่ปุ่นจำเป็นต้องเร่งสะสางและเสริมฐานะการคลัง ตลอดจนหาวิธีระดมเงินทุน เพื่อรองรับค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการสังคมที่กำลังพุ่งกระฉูด จากการที่ประเทศกำลังมีกลุ่มประชากรสูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ญี่ปุ่นนั้นถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือมาหลายครั้งในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา สาเหตุหลักคือความล้มเหลวในการจัดการกับหนี้สาธารณะที่อยู่ในระดับกว่า 2 เท่าตัวของมูลค่าจีดีพี นับว่าสูงที่สุดในบรรดาประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำด้วยกัน
การอนุมัติการขึ้นภาษีการขายในสภาล่างจึงถือเป็นหลักชัยสำคัญสำหรับประเทศญี่ปุ่น ซึ่งติดแหง็กอยู่ในวงจรรัฐบาลที่มีอายุสั้นและเผชิญอุปสรรคมากมายทางการเมือง
จากการลาออกของโอซาวะและลูกทีม จะทำให้ในสภาล่างซึ่งมีอำนาจในการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี และมีจำนวนทั้งสิ้น 480 ที่นั่ง พรรคดีพีเจเจะหลืออยู่ 251 ที่นั่ง
แหล่งข่าวทางการเมืองเผยว่า โอซาวะ ผู้เคยเป็นหัวหน้าพรรคดีพีเจ และเป็นผู้นำของมุ้งที่ใหญ่ที่สุดในพรรค อีกทั้งได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้นำพรรคดีพีเจขึ้นสู่อำนาจในปี 2009 นั้น จะเดินหน้าตั้งพรรคใหม่โดยอาจมีการเปิดตัวในสัปดาห์นี้
ตลอดสี่ทศวรรษที่ผ่านมา โอซาวะได้รับการขนานนามว่า “เรือพิฆาต” และ “โชกุนเงา” จากประวัติอันโชกโชนในการสร้างและทำลายกลุ่มพันธมิตรทางการเมือง รวมทั้งการเจรจาลับเพื่อผลักดันวาระของตนเอง
กระนั้น โอซาวะ วัย 70 ปี ที่เป็นหัวหน้าพรรคดีพีเจในช่วงปี 2006 จนถึงต้นปี 2009 กลับตกม้าตายต้องลาออกไปจากเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการใช้เงินทุนทางการเมืองผิดวัตถุประสงค์ ไม่นานนักก่อนที่พรรคจะได้ชัยชนะถล่มทลายในปี 2009
เขารอดพ้นข้อกล่าวหาดังกล่าวในเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยที่ได้พยายามวางหมากไม่หยุดหย่อนเพื่อกลับสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง แต่ในปี 2010 เขากลับพ่ายแพ้ในการชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค รวมถึงปีที่แล้วผู้สมัครที่โอซาวะหนุนหลัง ก็พ่ายแพ้ให้แก่ โนดะ อีก
นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า อิทธิพลของโอซาวะเสื่อมถอยลงแล้ว เหตุผลหนึ่งคือการผลัดใบสู่นักการเมืองรุ่นใหม่ ขณะที่ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเสื่อมความนิยมในการเมืองแบบเก่าซึ่งเป็นสไตล์ที่โอซาวะถนัด
การลาออกของโอซาวะอาจทำให้โนดะร่วมมือกับ พรรคเอ็นแอลพี และพรรคนิว โคเมอิโตะ พันธมิตรเก่า ได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะทำให้สามารถผลักดันกฎหมายในสภาสูง ที่แม้มีอำนาจน้อยกว่าสภาล่าง แต่ก็ขัดขวางการออกกฎหมายต่างๆ ได้
เจฟฟรีย์ คิงสตัน ผู้อำนวยการแผนกเอเชียศึกษา มหาวิทยาลัยเทมเพิล วิทยาเขตญี่ปุ่น เชื่อว่า โนดะโล่งใจที่โอซาวะลาออก เนื่องจากที่ผ่านมาเขาสร้างปัญหามากมายให้กับพรรค โดยเฉพาะกับตัวโนดะ