เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-แหล่งข่าวทางการทูตของชาติตะวันตกยืนยันรัฐบาลเตหะรานส่งเจ้าหน้าที่อาวุโสระดับผู้บัญชาการของกองกำลังปฏิวัติ (Revolutionary Guards) อันเกรียงไกรของตนจำนวน 150 นายเข้าไปในซีเรีย เพื่อช่วยรัฐบาลของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด ขับไล่กองกำลังของฝ่ายกบฏภายในประเทศ
รายงานซึ่งอ้างแหล่งข่าวทั้งทางการทูตและหน่วยข่าวกรองตะวันตก ระบุว่า ประธานาธิบดีมะห์มูด อะห์มาดิเนจัด ผู้นำอิหร่านไฟเขียวให้มีการส่งเจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์ของกองกำลังดังกล่าวจำนวน 150 นาย เข้าไปยังซีเรีย เพื่อให้ความช่วยเหลือในการทำสงครามแก่รัฐบาลดามัสกัส ซึ่งถือเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุดของอิหร่านในภูมิภาคตะวันออกกลาง นอกจากนั้น รัฐบาลเตหะรานยังส่งอาวุธยุทโธปกรณ์นานาชนิดที่มีน้ำหนักรวมกัน “หลายร้อยตัน” เข้าไปยังซีเรียแล้วเช่นกัน ผ่านทางเฉลียงการบินหรือระเบียงการบินพิเศษระหว่างทั้งสองประเทศ
ข้อมูลระบุว่า การตัดสินใจของทางการอิหร่านที่เพิ่มการสนับสนุนต่อรัฐบาลซีเรียมีขึ้นตั้งแต่ที่นายอัสเซฟ ชอว์กัต รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมของซีเรียซึ่งเป็นพี่เขยของประธานาธิบดีอัสซาด พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคงอีกหลายรายถูกลอบสังหารด้วยระเบิดกลางกรุงดามัสกัส เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมา จนส่งผลกระทบต่อการวางแผนสู้รบของกองทัพรัฐบาลซีเรีย ที่กำลังถูกท้าทายอย่างหนักจากกองกำลังฝ่ายต่อต้านที่รับการสนับสนุนจากภายนอกประเทศทั้งจากกาตาร์ และราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย
นักวิเคราะห์ระบุว่า ความอยู่รอดของรัฐบาลซีเรียและระบอบการปกครองของบาชาร์ อัล อัสซาด มีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออิหร่าน เนื่องจากที่ผ่านมา อิหร่านใช้ซีเรียเป็นทางผ่านสำหรับการส่งอาวุธและความช่วยเหลือต่างๆไปให้กับพวกนักรบมุสลิมนิกายชีอะห์ “ฮิซบอลเลาะห์” ในเลบานอนที่เป็นศัตรูตัวฉกาจของอิสราเอล ดังนั้น หากมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลในซีเรีย ย่อมส่งผลกระทบต่อการดำเนิน “นโยบายต่อต้านอิสราเอล” ของอิหร่าน
