นักวิเคราะห์ชี้แนวทางปรองดองโอบามาแค่ “ราคาคุย”

เอเจนซีส์ - บทวิเคราะห์ของบลูมเบิร์กชำแหละโอบามามือถือสากปากถือศีล ชี้ที่ผ่านมาดีแต่โจมตีคู่แข่งและสร้างความแตกแยกมากกว่าปรองดองอย่างที่พยายามหาเสียง พร้อมสำทับแม้ได้รับเลือกอีกสมัยโอบามาคงไม่สามารถสลายขั้วได้ เว้นแต่มีพรรคหนึ่งพรรคใดถูกยุบเท่านั้น

ขณะที่โอบามากำลังพยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้อยู่ในทำเนียบขาวต่ออีกเทอม คำถามหนึ่งในใจผู้มีสิทธิ์ออกเสียงชาวอเมริกันคือ ถ้าเลือกเขาอีกครั้ง สถานการณ์ของประเทศจะดีขึ้นหรือแย่ลง และความขัดแย้งในสภาคองเกรสจะลดลงหรือไม่

บทวิเคราะห์ชิ้นล่าสุดของสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์กระบุว่าไม่มีเหตุผลที่จะคาดว่าการแบ่งฝ่ายในสภาจะเลวร้ายลงไม่ว่าใครจะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 6 พฤศจิกายนนี้ เพราะทั้งโอบามาและมิตต์ รอมนีย์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันจะไม่มีเสียงข้างมากเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการออกโรงผลักดันร่างกฎหมาย

โดยอเล็กซ์ คาสเทลลานอส นักยุทธศาสตร์ของรีพับลิกันระบุว่า เขาไม่คิดว่าพรรครีพับลิกัน และฝั่งเดโมแครตจะสามารถประนีประนอมกันได้ เนื่องจากเป็นที่ชัดเจนว่าต่างฝ่ายต่างมีแนวทางในการทำงานที่ต่างกันคนละขั้ว นอกจากนั้น ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ดูเหมือนรีพับลิกันประสบความสำเร็จในการขัดขวางข้อเสนอมากมายของโอบามาและเดโมแครต

อย่างไรก็ดี เดวิด แอ็กเซลรอด หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การหาเสียงของโอบามา ยืนยันว่าหากโอบามาได้รับเลือกอีกครั้ง เดโมแครตคงไม่ไร้เดียงสาเหมือนเก่า พร้อมยืนยัน โอบามายังคงเชื่อมั่นในการทำให้อเมริกาสามัคคีมากกว่าแบ่งเป็นฝักฝ่าย

ในอีกด้านหนึ่ง ผลศึกษาของเคธ ที. พูล นักรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยจอร์เจีย ระบุว่าแม้คนอเมริกันส่วนใหญ่จะชื่นชอบไอเดียที่พรรคการเมืองใหญ่ทำงานร่วมกันด้วยความปรองดองกลมเกลียว แต่ในความเป็นจริงแล้วการวิเคราะห์จากผลโหวตสมาชิกรัฐสภาจำนวน 14 ล้านเสียง กลับพบข้อมูลที่น่าตกใจว่า ในปัจจุบันมีการแบ่งขั้วในสภาคองเกรสมากกว่าช่วงใดๆ นับจากปลายทศวรรษ 1990 เป็นต้นมา

พูล พบว่า สาเหตุหลักคือ การริเริ่มสำคัญๆทั้งหมดของโอบามาไม่ว่าจะเป็นการปฏิรูประบบสุขอนามัย กฎระเบียบทางการเงิน โครงการจำกัดการแพร่กระจายก๊าซคาร์บอน ฯลฯ ซึ่งพูลบอกว่า ถ้าประวัติศาสตร์พูดได้คงบอกว่า โอบามากำลังพาตัวเองขึ้นเขียง เพราะประเด็นต่างๆเหล่านี้ ล้วนแต่เป็นประเด็นที่จุดชนวนแห่งความขัดแย้งในสังคมให้ลุกโชนขึ้น สวนทางกับที่โอบามาเคยประกาศจะสร้างสังคมอเมริกันที่มีความปรองดอง

สถานการณ์เช่นนี้ทำให้โอบามาตกที่นั่งลำบาก และต้องมุ่งมั่นกับวาระการเปลี่ยนแปลงและความหวังตาม ที่เคยให้คำมั่นสัญญาไว้ ขณะที่แนวทางการหาเสียงดูจะตกเป็นรองคู่ต่อสู้อย่างชัดเจน จากข้อมูลของแคมเปญ มีเดีย อนาลิซิส กรุ๊ประบุว่า โฆษณาทางทีวีของโอบามาที่เป็นภาษาอังกฤษเกือบทั้งหมด ที่ออกอากาศนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานั้น ล้วนเป็นโฆษณาที่พุ่งเป้าโจมตีคู่ต่อสู้จากฝั่งรีพับลิกันเพียงอย่างเดียว

ซึ่งนั่นหมายความว่า โอบามา ประธานาธิบดีที่เคยได้ชื่อว่าเป็น “ผู้นำแห่งความหวัง” ผู้นี้ได้หมดสิ้นหนทางอื่นในการหาเสียงเพื่อเอาชนะใจชาวอเมริกันเสียแล้ว จนต้องหันมาใช้วิธีโจมตีคู่แข่งที่ไร้จุดเด่น อย่างมิตต์ รอมนีย์ แห่งรีพับลิกัน